แห่ของบกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปี 2563 จำนวนทั้งหมด 5,155 โครงการวงเงิน 62,616 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่างบจัดสรรถึง 11 เท่า ซึ่งเป็นไปตามคาดว่า โครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังแสงอาทิตย์ ยื่นข้อเสนอของบเข้ามามากที่สุดกว่า 2,339 โครงการ เป็นวงเงิน 9,172 ล้านบาท โดยคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ตั้งเงื่อนไข7 ข้อ คัดโครงการที่เน้นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก สร้างงาน สร้างอาชีพ และการช่วยเหลือภัยแล้ง เป็นอันดับแรก
วันนี้ (27 พ.ค.63) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีการสรุปยอดการยื่นข้อเสนอโครงการปีนี้ มีจำนวนทั้งหมด 5,155 โครงการ วงเงิน 62,616 ล้านบาท โดยที่กรอบการจัดสรรเงินกองทุนฯ มีเพียง 5,600 ล้านบาท หรือเกินจำนวนวงเงินที่มีประมาณ 11 เท่า ซึ่งโครงการที่ยื่นเข้ามาแบ่งเป็นในกลุ่มแผนเพิ่มประสิทธิภาพ 1,134 โครงการ วงเงิน 20,874 ล้านบาท (วงเงินจัดสรร 2,400 ล้านบาท) และแผนพลังงานทดแทน 4,021 โครงการ วงเงิน 41,743 ล้านบาท (วงเงินจัดสรร 3,200 ล้านบาท)
โดยสำหรับโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังแสงอาทิตย์ ซึ่งมีหน่วยงานยื่นข้อเสนอโครงการมากถึง 2,339 โครงการ รวมวงเงิน 9,172 ล้านบาท ซึ่ง คณะอนุกรรมการฯ ได้มอบแนวทางพิจารณาในมิติการบูรณาการ เช่น มีการสูบน้ำเพื่อการเกษตร มีแผนเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ โดยอาจเป็นการแปรรูปผลิตภัณฑ์ และมอบหมาย ส.กทอ.จัดทำบัญชีข้อมูลโครงการที่กองทุนฯ ได้ให้การสนับสนุนไปแล้วรายจังหวัดประเภทโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ โดยจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ประสบภัยแล้งที่ยังไม่เคยได้รับการจัดสรรก่อน
ส่วนโครงการประเภทซื้อวัสดุอุปกรณ์ หากไม่มีการต่อยอดบูรณาการเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจะได้รับความสำคัญระดับต่ำสุด โดยระยะเวลาในการกลั่นกรองโครงการ คณะอนุกรรมการฯ จะเร่งให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายน 2563 เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนมิถุนายนต่อไป
ทั้งนี้คณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาและกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอย่างละเอียดรอบคอบและให้ครอบคลุมหลายมิติ โดยการลำดับความสำคัญจะเน้นให้กับโครงการภายใต้กลุ่มงานสนับสนุนลดต้นทุน ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มเศรษฐกิจฐานรากภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนพลังงานทดแทน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทำให้เม็ดเงินกระจายอยู่ในจังหวัด ช่วยสร้างอาชีพ สร้างงาน และสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งมีการนำพลังงานทดแทนมาใช้ให้เกิดการประหยัดพลังงานให้กับชุมชน ช่วยลดค่าใช้จ่าย โดยในกลุ่มนี้มีข้อเสนอโครงการที่ยื่นตรงมายังสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) รวม 3,605 โครงการ และข้อเสนอผ่านคณะกรรมการระดับจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีจังหวัดที่ยื่นขอมา 54 จังหวัด ซึ่งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ จะกำหนดแนวทางกลั่นกรองโครงการภายใต้กลุ่มงานนี้ให้ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป็นไปตามเงื่อนไขอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ในเงื่อนไข 7 ข้อที่คณะอนุกรรมการฯจะใช้ในการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สรุปได้ดังนี้
1.เน้นโครงการที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตามมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 โดยมีกิจกรรม/ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่แสดงความสำเร็จของโครงการ/กลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับผลประโยชน์ชัดเจน รวมถึงแสดงถึงจุดสิ้นสุดของโครงการ มีหน่วยงานรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดูแลโครงการต่อ
2.เน้นโครงการที่มีข้อมูลทางเทคนิคของอุปกรณ์มาประกอบการพิจารณา โดยแสดงผลประหยัดที่ถูกต้อง มีระยะเวลาการคืนทุน มีข้อมูลความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการ กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์จากโครงการชัดเจน
3.เน้นโครงการที่ผู้ขอยื่นรับการสนับสนุนไม่เข้าข่ายเป็นผู้ขอแทนกันในลักษณะที่ไม่ใช่เจ้าของหน่วยงานในสังกัดเดียวกัน
4.กรณีที่เป็นโครงการต่อเนื่อง ต้องมีรายงานแสดงผลการเบิกจ่ายของปีที่ผ่านมา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และมีรายงานผลความก้าวหน้าของโครงการในปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 โดยแสดงข้อมูลดังกล่าว ณ วันที่ยื่นข้อเสนอโครงการ
5.ไม่สนับสนุนโครงการที่ขอดำเนินการในลักษณะเดียวกับโครงการสาธิตริเริ่มที่มีผลสัมฤทธิ์ หรือมีการดำเนินการมาก่อนหน้าแล้ว
6.กรณีเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนผลผลิตภาคการเกษตรจะต้องสามารถวัดผลได้ ว่ามีการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร
7.ทรัพย์สินที่ได้รับการสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ถือเป็นทรัพย์สินที่ผู้ได้รับการสนับสนุนจะต้องบำรุงรักษาต่อไป