เปิดข้อมูลแหล่งน้ำมันดิบฝางเหลือปริมาณสำรอง63ล้านบาร์เรล กรมการพลังงานทหารคาดผลิตไปได้อีก11ปี พร้อมปลดระวางโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมดีเซล ขนาดกำลังผลิต 12เมกะวัตต์ปี2562 เหตุใข้งานมานานกว่า21ปี ด้านกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติพาคณะสื่อเยี่ยมชมย้อนรอยความภูมิใจแหล่งน้ำมันดิบแห่งแรกของไทย
พันเอก นรสิงห์ ภีมะโยธิน รองผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมการพลังงานทหาร กระทรวงกลาโหม ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนสายพลังงาน จากกรุงเทพที่ เดินทางมาเยี่ยมชมและศึกษาดูงานการบริหารจัดการการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม “แหล่งน้ำมันดิบฝาง” ร่วมกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เมื่อวันที่ 21ธ.ค.2561 ว่าปัจจุบัน บ่อน้ำมันฝาง เหลือปริมาณสำรองน้ำมันดิบ 63 ล้านบาร์เรล โดยหากไม่มีการสำรวจขุดเจาะเพิ่มจะผลิตน้ำมันได้อีกแค่11 ปี อย่างไรก็ตาม กรมการพลังงานทหารยังคงทำการสำรวจและผลิตต่อเนื่องเพื่อรักษาระดับการผลิตไว้ 750 บาร์เรลต่อวัน โดยน้ำมันดิบที่ได้จะนำมากลั่นเป็นน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเพื่อจำหน่ายให้หน่วยงานของกระทรวงกลาโหมเป็นหลัก ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2499 จนถึงปัจจุบันได้เจาะหลุมสำรวจแล้วกว่า300 หลุม แต่มีหลุมที่ผลิตได้จริง 62 หลุม
สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมดีเซลที่ใช้ทั้งดีเซลและน้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิง ของกรมการพลังงานทหาร มีกำลังการผลิต 12.14 เมกะวัตต์ แต่ปัจจุบันขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 4.5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใน ปี 2562 โดยเบื้องต้นจะไม่มีการต่อสัญญาและจะยกเลิกการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด เนื่องจากโรงไฟฟ้ามีอายุการใช้งานกว่า 21 ปี ถือว่าเครื่องผลิตเก่ามากแล้ว อีกทั้งที่ผ่านมาโรงไฟฟ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อความมั่นคงไฟฟ้าในพื้นที่อ.ฝาง เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านให้มีไฟฟ้าใช้อย่างเสถียรเพราะที่ผ่านมาชาวบ้านประสบปัญหาไฟฟ้าตกดับบ่อย แต่ปัจจุบันไฟฟ้าในพื้นที่ดังกล่าวมีความมั่นคงมากขึ้นแล้ว ประกอบกับที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันเตาถูกมากจึงนำมาผลิตไฟฟ้าทดแทน
ด้าน นายภูมี ศรีสุวรรณ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การศึกษาดูงานการบริหารจัดการแหล่งน้ำมันดิบฝาง ของศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมการพลังงานทหาร ถือเป็นการร่วมย้อนรอยสู่ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจากแหล่งน้ำมันดิบแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำมันดิบแห่งแรกที่ค้นพบในพื้นที่ประเทศไทย และเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ที่ผลักดันให้เกิดการตื่นตัวเรื่องจัดหาและพึ่งพาทรัพยากรพลังงานในประเทศ จนพัฒนาไปสู่การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทยในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ นอกจากจะดำเนินงานด้านปิโตรเลียมอย่างครบวงจรแล้ว ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่รวบรวมองค์ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ตั้งแต่ต้นกำเนิดปิโตรเลียม กระบวนการขุดเจาะและผลิตปิโตรเลียม ตลอดจนประวัติความเป็นมาของแหล่งน้ำมันดิบแห่งแรกของไทย ซึ่งเปิดโอกาสให้ นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้อีกด้วย