- Advertisment-
วัชรพงศ์ ทองรุ่ง บรรณาธิการ Energy News Center

ข่าวสถานการณ์​ระหว่างรัสเซียกับยูเครนช่วงนี้กำลังตึงเครียด และวงการพลังงานบ้านเราก็เครียดไม่แพ้กัน เพราะว่ารัสเซียนั้นเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ไปที่ยุโรป สถานการณ์ดังกล่าวจึงมีผลต่อราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาก๊าซ​ธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas)​ หรือ LNG 

จากที่กระทรวงพลังงานเคยคาดการณ์ว่า ราคา LNG ในตลาดจร หรือ Spot LNG​ เมื่อเข้าช่วงฤดูร้อน ราคาจะลดลงมาได้บ้าง แต่เมื่อเกิดวิกฤติเรื่องรัสเซียกับยูเครน ราคา Spot LNG ที่อ้างอิงตามตลาด JKM ส่งมอบกันในเดือน เม.ย. พ.ค. มิ.ย. 2565 ที่เป็นช่วงฤดูร้อน ปรากฏว่าราคาก็ยังสูงอยู่ที่ระดับ 25-26 เหรียญสหรัฐ​ต่อล้านบีทียู

ถ้ายังจำกันได้เมื่อเดือน ก.ค. 2563 ปตท. เคยนำเข้า Spot LNG ได้ในราคาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เพียง 1.78 เหรียญสหรัฐ​ต่อล้านบีทียู แต่พอมาถึงปีนี้ ราคา Spot LNG​ กลายเป็นหนังคนละม้วน

- Advertisment -

มาถึงคำถามที่ว่า ทำไม LNG แพงแล้วค่าไฟต้องแพงตาม?  คำตอบก็คือเพราะไทยเรานำเข้า LNG จากต่างประเทศมาเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า

LNG ที่เราจะต้องนำเข้าในปีนี้นั้นมี 2 รูปแบบ รูปแบบที่ 1 เป็นสัญญาระยะยาว นำเข้าโดย ปตท. ปริมาณ 5.2 ล้านตันต่อปี ตรงนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีสัญญาที่ตกลงราคากันไว้แล้ว และราคาไม่ได้แพงแบบราคา Spot LNG ขณะนี้

ส่วนที่จะต้องใช้เพิ่มอีก 4.5 ล้านตันต่อปีนั้นยังไม่ได้เปิดเผยว่าจะเป็นแบบไหน โดยเป็นในส่วนที่ ปตท.จะต้องนำเข้ามาเพื่อทดแทนก๊าซฯ จากแหล่งเอราวัณในอ่าวไทยที่ผลิตไม่ต่อเนื่อง ปริมาณ 1.8 ล้านตัน ส่วนอีก 2.7 ล้านตันนั้น ทางคณะกรรม​การกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ​เปิดให้นำเข้าตามนโยบายเปิดเสรีธุรกิจก๊าซ ที่ให้สิทธิ์บรรดาผู้จัดหาหรือค้าส่งก๊าซที่ได้รับใบอนุญาต​ หรือ Shipper รายใหม่ ได้แจ้งความจำนงเพื่อนำเข้า ในส่วนนี้ถ้าราคานำเข้ายังสูงแบบราคา Spot LNG ในปัจจุบัน ก็จะส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าอย่างแน่นอน

ที่ผ่านมา Spot LNG นำเข้านั้นจะกระทบต่อค่าไฟฟ้าไม่มากนัก เพราะเราใช้ในสัดส่วนที่น้อย คือ ประมาณ 5% โดยเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นก๊าซธรรมชาติที่มาจากอ่าวไทย ซึ่งมีราคาถูกกว่า LNG นำเข้า 

แต่ในปี 2565 นี้ ถือเป็นกรณีพิเศษ โดน 2 เด้ง เพราะต้องใช้ในปริมาณมากขึ้นเพื่อทดแทนแหล่งเอราวัณที่ผลิตไม่ต่อเนื่อง และเจอสถานการณ์ LNG ราคาแพงซ้ำเข้าไปอีก

อย่างไรก็ตาม ในด้านของกระทรวงพลังงานนั้น ก็พยายามที่จะลดผลกระทบในเรื่องนี้ลง โดยมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน​แห่งชาติ ​หรือ กพช. เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมาได้เห็นชอบแนวทางในการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติในปี 2565 เพื่อลดผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่มาจากเรื่อง LNG ราคาแพง โดยตั้งคณะอนุกรรมการที่มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ขึ้นมาติดตามสถานการณ์​อย่างใกล้ชิด โดยมีประเด็นที่จะต้องบริหารจัดการให้เป็นไปตามมติ กพช. อาทิ

– การจัดหาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เพิ่มเติม ให้เต็มความสามารถ

– การเลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 ขนาด 300 เมกะวัตต์ ที่มีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ต่ำกว่าการนำเข้า LNG โดยเลื่อนออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 

– การรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเติมจากสัญญาซื้อขายเดิม

– การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาทดแทน LNG ราคาแพง

– การรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ สปป.ลาว เพิ่มขึ้น

แนวทางบริหารจัดการเชื้อเพลิงของภาครัฐตามที่เล่ามาทั้งหมด หากดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ก็เชื่อว่าจะช่วยลดผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าลงได้พอสมควร  

แต่ถ้าดำเนินการผิดไปจากแผน คอลัมน์เขียนเล่าข่าว ก็แนะนำว่า เหลือทางเดียวที่จะช่วยประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าได้ นั่นก็คือ การใช้ไฟฟ้าให้ประหยัดขึ้นเพื่อลดจำนวนหน่วยการใช้ลงนั่นเอง เพราะอัตราค่าไฟฟ้าบ้านเราเป็นอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได ใครใช้ไฟจำนวนหน่วยมาก อัตราค่าไฟก็จะยิ่งสูง  

ถือว่าเตือนกันไว้ก่อนแล้วนะครับ

Advertisment