อีเว้นท์แรกของ “สนธิรัตน์ ” รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ประเดิมเปิด “โครงการไทยเด็ด” แห่งแรกในปั๊ม พีทีที สเตชั่น จ.เพชรบุรี หวังพัฒนาวิสาหกิจชุมชนโดยรอบสถานีบริการฯ ให้มีช่องทางสร้างรายได้และเติบโตอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 72 สถานี โดยมีเป้าหมายจำนวน 100 สถานี ภายในปี 2562
เมื่อวันที่ 19ก.ค.2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประเดิมงานอีเว้นท์แรกในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยเป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการไทยเด็ด” ร่วมกับนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีทีโออาร์ และนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พีทีทีโออาร์ ณ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น บริษัท คุณเท่ง (ชะอำ) ปิโตรเลียม จำกัด จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นสถานีบริการฯ แห่งแรกของภาคใต้ที่เริ่มโครงการฯ โดย พีทีทีโออาร์ มุ่งหวังให้สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ซึ่งมีเครือข่ายทั่วประเทศ เป็นพื้นที่ส่วนกลางให้คนในชุมชนเข้ามาใช้ประโยชน์ ช่วยพัฒนาวิสาหกิจชุมชนโดยรอบสถานีบริการฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการไทยเด็ด เป็นการสื่อถึงผลิตภัณฑ์ของดีของเด่นในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เปิดเผยว่า ปตท. มีพันธกิจในการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความยั่งยืน 3 ด้าน (3P) อย่างสมดุล ได้แก่ People การทำธุรกิจควบคู่กับการดูแลชุมชนและสังคม Planet การอนุรักษ์และสร้างความตระหนักในความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ Prosperity การสร้างความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้มีกำลังเพียงพอในการดูแลความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ สำหรับ พีทีทีโออาร์ เป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญของ กลุ่ม ปตท. ในการร่วมส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน โดยใช้ศักยภาพของสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ชุมชนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งการพัฒนาชุมชนและสังคมเป็นหนึ่งในความมุ่งหมาย ด้าน People ของ กลุ่ม ปตท. ที่ต้องการให้สังคมและชุมชนมีความเข้มแข็ง เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดย กลุ่ม ปตท. จะเป็นแรงขับเคลื่อน เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และ สิ่งแวดล้อม ตามคำมั่นสัญญาของ กลุ่ม ปตท. ที่จะเติบโตร่วมกับสังคมไทยอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth for All)
นางสาวจิราพร กล่าวว่า จากวิสัยทัศน์และพันธกิจของ PTTโออาร์ ที่มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างคุณค่าและการสร้างการมีส่วนร่วมให้กับสังคม ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล PTTโออาร์ จึงดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ภายใต้แนวคิด ลีฟวิ่ง คอมมิวนิตี้ (Living Community) ที่มุ่งหวังให้สถานีบริการน้ำมันเป็นศูนย์กลางของชุมชน ซึ่งการจัดงานไทยเด็ดในครั้งนี้ พีทีทีโออาร์ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พัฒนาผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภูมิปัญญาท้องถิ่น และสร้างวิสาหกิจชุมชนที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ให้เกิดขึ้นในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดย พีทีทีโออาร์ จัดสรรพื้นที่ภายในสถานีบริการฯ ให้เป็นพื้นที่สำหรับ “ตลาดไทยเด็ด” เพื่อให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนนำสินค้าเกษตร อาหาร และสินค้าหัตถกรรมงานฝีมือที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมาจำหน่าย รวมถึงคัดเลือกสินค้าไทยเด็ดมาวางจำหน่ายในร้านขายของฝากที่ “มุมไทยเด็ด” ภายในสถานีบริการฯ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับวิสาหกิจชุมชน นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรม “ไทยเด็ด แมชชิ่ง เดย์” (Matching Day) โดยเชิญผู้ประกอบการสถานีบริการฯ จากจังหวัดต่าง ๆ มาร่วมคัดเลือกสินค้าของผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนนำไปจำหน่ายที่สถานีบริการฯ ของตนเอง เพื่อให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนได้มีโอกาสขยายตลาด เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า และมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมโครงการแล้ว 107 ราย
โครงการไทยเด็ดนับเป็นอีกหนึ่งพลังที่สนับสนุนการสร้างโอกาส สร้างงาน และสร้างอาชีพให้กับชุมชนโดยรอบพื้นที่ที่ พีทีทีโออาร์ เข้าไปดำเนินธุรกิจ โดย พีทีทีโออาร์ มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนโครงการฯ ซึ่งปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 72 สถานี โดยมีเป้าหมายจำนวน 100 สถานี ภายในปี 2562