“สุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ ขยับวันเข้าเริ่มงานที่กระทรวงพลังงาน ฤกษ์ 6.45 น. พรุ่งนี้ (14 ส.ค.2563) จากเดิมกำหนดไว้ 6.00น.วันนี้ พร้อมนัดสื่อมวลชนฟังนโยบาย 19 ส.ค. 2563 ด้านสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เตรียมชงเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 ให้เดินหน้าต่อ หลัง 3 บริษัทที่ได้ใบอนุญาต เป็นผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซ (Shipper) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ยังรอความชัดเจนด้านนโยบายผ่านมติ กบง.และกพช.
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานได้แจ้งกำหนดการต่อสื่อมวลชนว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คนใหม่ จะเริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 14 ส.ค.2563 นี้ ซึ่งเป็นการขยับวันจากกำหนดเดิมที่จะเข้ากระทรวงพลังงานเวลา 6.00น. ของวันที่ 13 ส.ค.2563
โดยมีกำหนดการใหม่ ถือฤกษ์สักการะพระพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพลังงานในเวลา 06.45 น. ตามธรรมเนียมของรัฐมนตรีพลังงานคนก่อนหน้า ที่ถือปฏิบัติมา ทั้งนี้นายนายสุพัฒนพงษ์ มีการแจ้งนัดหมายที่จะพบปะกับสื่อมวลชนสายพลังงานเพื่อแถลงข่าวถึงนโยบายที่จะดำเนินการในวันที่ 19 ส.ค. 2563 เวลา 9.30 น. ณ กระทรวงพลังงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับเรื่องสำคัญที่ทาง สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เตรียมที่จะนำเสนอให้นายสุพัฒนพงษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) พิจารณา คือ แนวทางการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 ซึ่งมติ กพช.เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2562 ในช่วงที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีพลังงาน ที่ให้ สนพ.ไปดำเนินการศึกษาทบทวน และ ทางสนพ. ได้จัดทำเสร็จแล้ว
โดยเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญเนื่องจาก เอกชนที่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าชธรรมชาติ (Shipper) รายใหม่ 3 ราย คือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหินกองเพาเวอร์ โฮลดิ้ง ( กัลฟ์ฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 49%) และบริษัทบี.กริม เพาเวอร์ ยังไม่สามารถที่จะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวหรือLNG มาใช้ในโรงไฟฟ้าตามที่ระบุไว้ในการขออนุญาตได้ โดยต้องรอความชัดเจนเรื่องนโยบายการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซระยะที่ 2 ก่อน
นอกจากนี้ ยังต้องรอความชัดเจนด้านนโยบายจากนายสุพัฒนพงษ์ ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2561-2580 (PDP2018) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่รอเสนอเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี ว่า จะให้เดินหน้าต่อ รอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ หรือจะดึงกลับมาทบทวน จัดทำใหม่ เป็นแผน PDP2021เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การใข้พลังงานที่เปลี่ยนไปมากจากผลกระทบ โควิด-19
โดยความเห็นของสนพ. เห็นควรให้เดินหน้าแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2561-2580 (PDP2018) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1ไปก่อน เพื่อให้แผนอื่น เช่น แผนพัฒนาพลังงานทดแทนหรือ AEDP2018 แผนบริหารจัดการก๊าซ หรือ Gas Plan 2018 และ แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง Oil Plan 2018 ที่มีการจัดทำคู่ขนานไปกับ PDP2018 rev1 เรียบร้อยแล้ว สามารถเดินหน้าลงทุนโครงการสำคัญต่อไปได้ โดยหากรอให้มีการจัดทำเป็น PDP2021 อาจจะมีความล่าช้า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ นายสุพัฒนพงษ์ ในฐานะรัฐมนตรีพลังงาน