ลุ้นกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ต้องกลับมาชดเชยราคาดีเซลอีกครั้งหรือไม่ หลังพบอัตราเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ ลดต่ำเหลือ 0.87 บาทต่อลิตร จากเดิมเคยเรียกเก็บได้เกือบ 4 บาทต่อลิตร ด้านภาพรวมเงินกองทุนน้ำมันฯ ทยอยติดลบน้อยลงเหลือ -89,075 ล้านบาท จากเคยติดลบระดับ 1 แสนล้านบาทมาโดยตลอด เหตุหยุดชดเชยราคาดีเซลและเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลแทนตั้งแต่เดือน ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า นับตั้งแต่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้หยุดชดเชยราคาดีเซลและเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2567 เป็นต้นมา ส่งผลให้ฐานะกองทุนฯ มีรายรับสูงขึ้น และภาพรวมกองทุนฯ เริ่มติดลบน้อยลงอย่างต่อเนื่อง
โดยสถานะเงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 5 พ.ย. 2567 ติดลบรวม -89,075 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม -41,605 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -47,470 ล้านบาท นับเป็นการติดลบน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงเดือน เม.ย.- ก.ย. 2567 ที่กองทุนฯ มีสถานะเงินติดลบกว่า 1 แสนล้านบาทมาโดยตลอด และเริ่มติดลบน้อยลงในเดือน ต.ค. 2567
โดยในปี 2567 นี้ กองทุนน้ำมันฯ เคยติดลบน้อยที่สุดในเดือน ม.ค. 2567 ที่ -80,101 ล้านบาท จากนั้นค่อยๆ เพิ่มขึ้นสู่ระดับติดลบกว่า 1 แสนล้านบาท การติดลบน้อยลงของกองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า การหยุดชดเชยราคาดีเซลและเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ลดปัญหารายจ่ายลงได้มาก รวมทั้งสะท้อนให้เห็นว่าราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลง ทำให้กองทุนน้ำมันฯ สามารถหยุดการชดเชยราคาดีเซลได้
อย่างไรก็ตามในส่วนของการเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ นั้น ได้เริ่มเรียกเก็บมาตั้งแต่เดือน ส.ค. 2567 โดยเริ่มต้นที่ 74 สตางค์ต่อลิตร และเรียกเก็บสูงสุดที่ 3.59 บาทต่อลิตร เมื่อ 12 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดการเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลปรับลดลงอย่างรวดเร็ว เหลือ 0.87 บาทต่อลิตร เท่านั้น
ทั้งนี้เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้น ทำให้ กบน. ต้องนำเงินที่เก็บได้ไปจ่ายชดเชยค่าการตลาดให้ผู้ค้าน้ำมัน เพื่อป้องกันการปรับขึ้นราคาดีเซลหน้าปั๊มในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น
ดังนั้นในช่วงสิ้นปีซึ่งเป็นช่วงที่ราคาพลังงานปรับสูงขึ้น ประกอบกับมาตรการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร ได้สิ้นสุดลงไปเมื่อ 31 ต.ค. 2567 ส่งผลให้ กบน. ต้องเป็นผู้บริหารราคาดีเซลตามสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้นราคาดีเซลมีโอกาสปรับขึ้นเกิน 33 บาทต่อลิตรได้ หากกองทุนฯ ต้องกลับมาชดเชยราคาดีเซลอีกครั้ง ในอัตราที่สูงเกินกว่ากองทุนฯ จะรับไหว
สำหรับราคาน้ำมันโลกล่าสุด ณ วันที่ 12 พ.ย. 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 73.05 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 1.38 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 68.11 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.04 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 71.90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.07 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ส่วนค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 12 พ.ย. 2567 พบว่าค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวในระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาด 4.68 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.54 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.62 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.68 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 3.83 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 2.10 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่าง 1-12 พ.ย. 2567 อยู่ที่ 2.36 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ 1.5-2 บาทต่อลิตร)