หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมัน ประจำสัปดาห์วันที่ 31 มี.ค. 68 – 4 เม.ย. 68 และแนวโน้มในสัปดาห์วันที่ 7-11 เม.ย. 68 ระบุราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยรายสัปดาห์ลดลง เนื่องจากสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า จุดชนวนสงครามการค้า คุกคามเศรษฐกิจโลก

วันที่ 5 เม.ย. 68 Reuters รายงานว่าสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้า (Tariff) ขั้นต่ำ 10% กับหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย อังกฤษ บราซิล อาร์เจนตินา โคลอมเบีย และซาอุดีอาระเบีย และตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 68 โดยจะดำเนินการเก็บภาษีในอัตรา 11%-54% กับคู่ค้ากว่า 57 ประเทศ อาทิ สหภาพยุโรป (EU) ถูกจัดเก็บที่ 20% และจีนถูกจัดเก็บภาษีรวมที่ 54% ของมูลค่านำเข้า
ก่อนหน้านี้ การประชุม Society for Advancing Business Editing and Writing (SABEW) ที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 68 ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) นาย Jerome Powell กล่าวว่าอัตราภาษีศุลกากรใหม่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Donald Trump สูงกว่าที่คาดไว้ มีแนวโน้มว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นและเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง ขณะที่ Fed ยังคงตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% อย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำว่า Fed ยังไม่จำเป็นต้องรีบปรับอัตราดอกเบี้ย
ด้านจีนประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มอีก 34% รวมถึงจำกัดการส่งออกแร่หายาก (Rare Earth) สู่สหรัฐฯ อาทิ Gallium, Germanium และ Antimony ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 68
การประชุม Joint OPEC-Non-OPEC Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ในรูปแบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 68 ที่ผ่านมา สมาชิก OPEC+ จำนวน 8 ประเทศ (ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต คาซัคสถาน แอลจีเรีย และโอมาน) ประกาศปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือน พ.ค. 68 ขึ้นอีก 411,000 บาร์เรลต่อวันต่อเดือน คิดเป็น 3 เท่าของที่ Reuters Poll คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นตามแผนเพิ่มการผลิตน้ำมันเดิมที่ 138,000 บาร์เรลต่อวันต่อเดือน ตั้งแต่เดือน เม.ย. 68 จนถึงเดือน ก.ย. 69