ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น

122
- Advertisment-

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 15 – 19 ม.ค. 67 และแนวโน้มในสัปดาห์วันที่ 22 – 26 ม.ค. 67 โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรง ขณะที่ OPEC ออกรายงานเดือน ม.ค. คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 104.36 ล้านบาร์เรลต่อวัน

โดยเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 67 Al Jazeera รายงานว่าอิสราเอลใช้เครื่องบินรบยิงขีปนาวุธทำลายอาคารในกรุงดามัสกัสเมืองหลวงของซีเรีย เพื่อสังหารสมาชิกระดับสูงแห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน เสียชีวิต 5 ราย และทหารซีเรียเสียชีวิตอีกหลายราย ทั้งนี้ ประธานาธิบดีอิหร่าน นาย Ebrahim Raisi ประณามการโจมตีที่เกิดขึ้น และประกาศจะแก้แค้น      

นอกจากนั้น ในวันที่ 20 ม.ค. 67 กองทัพสหรัฐฯ ได้โจมตีฐานของกองกำลัง Houthi ในเยเมน โดยพุ่งเป้าไปที่ขีปนาวุธต่อต้านเรือของกลุ่ม Houthi เพื่อตอบโต้การยิงขีปนาวุธโจมตีเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ Gibraltar Eagle ขณะแล่นอยู่ที่อ่าวเอเดน ขณะที่ Shell ประกาศระงับการขนส่งพลังงานทางเรือผ่านทะเลแดงชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. 67

- Advertisment -

ขณะเดียวกัน รายงานฉบับเดือน ม.ค. 67 ของ OPEC คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 104.36 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ในด้านอุปทาน North Dakota Pipeline Authority ของสหรัฐฯ รายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในรัฐ North Dakota วันที่ 19 ม.ค. 67 เพิ่มขึ้น 150,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 745,000-800,000 บาร์เรลต่อวัน หลังหยุดดำเนินการเมื่อเกิดสภาพอากาศหนาวเย็นเฉียบพลัน (Cold Blast) เนื่องจากพายุหิมะจากอาร์กติคพัดถล่มทั่วสหรัฐฯ  และ เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 67 บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย National Oil Corp. (NOC) ได้ประกาศยกเลิกเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) การส่งมอบน้ำมันดิบจากแหล่ง El Sharara (300,000 บาร์เรลต่อวัน) ซึ่งประกาศเมื่อ 7 ม.ค. 67 และจะกลับมาผลิตเต็มกำลัง หลังการประท้วงยุติลง

Advertisment