พลังงาน ย้ำเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบ 25 จำนวน 9 แปลงบนบก ยังคงให้สิทธิ์ศึกษาข้อมูลธรณีวิทยาในห้อง Data room ถึง 30 มิ.ย. 2568 ก่อนจะเปิดให้ยื่นซองข้อเสนอ 1-16 ก.ค. 2568 คาดรู้ผลผู้ชนะแหล่งสัมปทานไตรมาส 4 ปี 2568 เผยเตรียมเปิดสำรวจรอบที่ 26 ฝั่งทะเลอันดามัน ปลายปี 2568 ต่อเนื่อง เหตุไทยต้องการใช้ก๊าซฯ ผลิตไฟฟ้ามากขึ้น รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าหน้าร้อน, การใช้ของรถ EV และกลุ่มธุรกิจดาต้า เซนเตอร์ หวังการสำรวจปิโตรเลียมจะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานของไทย คาดปี 2568 ความต้องการใช้ไฟฟ้ายังสูงใกล้เคียงปีที่ผ่านมา
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงาน “สัมมนาสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเปิดให้ยื่นขอสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบก (ครั้งที่ 25) ว่า การเปิดให้สำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 25 ก็เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศและรองรับการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นของไทยในอนาคต โดยปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยเกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ถึง 36,792 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นถึง 6% เมื่อเทียบกับปี 2566 เนื่องจากการเติบโตของการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้ไทยต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ถึง 94 ลำเรือ สูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตามคาดว่าปี 2568 นี้ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะใกล้เคียงกับปี 2567 เนื่องจากปัจจัยด้านการใช้รถ EV ,สภาพอากาศที่ร้อน และความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม Data Center เป็นต้น ดังนั้นไทยจะต้องเตรียมพร้อมด้านปิโตรเลียมเพื่อรองรับการใช้พลังงานที่มากขึ้น สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เศรษฐกิจและการแข่งขันให้ภาคอุตสาหกรรมต่อไป
นายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า หลังจากกรมฯ ได้ประกาศเชิญชวนการเปิดให้ยื่นขอสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบก (ครั้งที่ 25) ไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดห้องข้อมูล (Data room) ให้ผู้ที่สนใจเข้าศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจในการยื่นขอสัมปทานในรอบที่ 25 ซึ่งขณะนี้มีบริษัทต่างชาติ 5-6 ราย เข้าศึกษาข้อมูลทางธรณีวิทยาของแปลงสัมปทานที่ กรมฯ เปิดให้สัมปทานในครั้งนี้แล้ว
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถจองใช้บริการห้องศึกษาข้อมูลที่ชั้น 22 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2568 หลังจากนั้นจะเปิดให้บริษัทที่สนใจยื่นซองคำขอและข้อเสนอระหว่างวันที่ 1-16 ก.ค. 2568 โดยจะใช้เวลา 2 เดือน พิจารณาข้อเสนอ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลผู้ชนะระบบสัมปทาน ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2568
สำหรับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม แปลงสำรวจบนบก ครั้งที่ 25 นี้ แบ่งเป็น 9 แปลง ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 7 แปลง บริเวณ จังหวัดหนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น สกลนคร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด และสุรินทร์ ซึ่งส่วนใหญ่มีศักยภาพด้านก๊าซธรรมชาติ และพื้นที่ภาคกลาง 2 แปลง บริเวณจังหวัด เพชรบูรณ์ ลพบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม และสุพรรณบุรี ส่วนใหญ่มีศักยภาพด้านน้ำมัน รวมขนาดพื้นที่ 33,444.64 ตารางกิโลเมตร โดยคาดว่าจะเกิดการลงทุนในครั้งนี้ประมาณ 2 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ กรมฯ เตรียมพิจารณาเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 26 ที่บริเวณทะเลน้ำลึก ฝั่งอันดามัน ช่วงปลายปี 2568 นี้ ซึ่งที่ผ่านมาเคยเปิดสำรวจมาแล้วเมื่อปี 2548 แต่ยังไม่มีการขุดพบปิโตรเลียมแต่อย่างใด โดยปัจจุบันเทคโนโลยีการขุดสำรวจพัฒนาขึ้นมาก ทำให้การสำรวจปิโตรเลียมบริเวณทะเลน้ำลึก ฝั่งอันดามัน มีความท้าทายและน่าสนใจมากขึ้น
ส่วนแปลงปิโตรเลียมที่ใกล้หมดอายุสัมปทานในปี 2574 ได้แก่ แหล่งน้ำมันสิริกิติ์ (S1) ,แหล่งสินภูฮ่อม และแหล่งไพลิน สำหรับแหล่งไพลินนั้น ผู้ผลิตยังสามารถขอต่ออายุการผลิตได้อีก 1 ครั้ง ไม่เกิน 10 ปี แต่แหล่ง S1 และสินภูฮ่อม จะต้องนำกลับมาเปิดสัมปทานใหม่ ซึ่งขณะนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อให้การผลิตปิโตรเลียมเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งเปรียบเทียบแบบเปิดสัมปทานใหม่ และให้สิทธิ์รายเดิมผลิต ซึ่งหากแนวทางใดทำให้เกิดความต่อเนื่องและเป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุด จะนำเสนอฝ่ายนโยบายพิจารณา โดยหากใช้วิธีให้รายเดิมผลิตนั้น คงจะต้องไปแก้ไขกฎหมายที่รัฐสภาต่อไป