ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ชี้ รัฐล่าช้าต่ออายุโรงไฟฟ้าเอสพีพี กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนฯ

1267
- Advertisment-

สมาคมผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ชี้ ความล่าช้ากว่า 2 ปี ในการดำเนินการต่ออายุโรงไฟฟ้า SPP Cogeneration อย่างเป็นรูปธรรม ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2559 กระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นรายใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งสวนทางนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่มีการเดินสายพบปะนักลงทุนต่างชาติเพื่อเชิญชวนเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง

นายโชติ ชูสุวรรณ กรรมการเลขาธิการ สมาคมผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน เปิดเผยว่า ปัจจุบันรัฐยังไม่มีความชัดเจนในการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2559  ที่ให้มีการต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ประเภทพลังความร้อนร่วม (Cogeneration) ที่จะสิ้นสุดลงระหว่างปี พ.ศ. 2560-2568  โดยความล่าช้าที่ผ่านมาสองปีกว่าแล้ว กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นรายใหญ่ ซึ่งเป็น ลูกค้าของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) จำนวน 25 ราย ที่จะทยอยสิ้นสุดอายุสัญญาเป็นชุดแรก เพราะส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่  EEC โดยต่างกังวลว่าหากโรงไฟฟ้า SPP ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบได้ทันตามกำหนด จะกระทบต่อความเสถียรและเสี่ยงต่อการขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ซึ่งการเกิดไฟฟ้าตกดับในกระบวนการผลิตแต่ละครั้ง จะสร้างความสูญเสียเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีออโตเมชั่นในระบบผลิต

ทั้งนี้ในส่วนของ SPP เองจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า 2 – 3 ปี เพราะด้วยกระบวนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ หรือ ปรับปรุงโรงไฟฟ้าเดิม ต้องใช้ระยะเวลาเตรียมการล่วงหน้า ทั้งการวางแผนก่อสร้าง ลงนามสัญญาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทดสอบระบบการผลิต จึงสามารถ COD (Commercial Operation Date) หรือ จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้จริง ซึ่งผู้ประกอบการ SPP ได้ปรับตามเงื่อนไขของ กพช, โดยการปรับลดสัดส่วนการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. จาก 90 เมกะวัตต์ เหลือเพียง 30 เมกะวัตต์ต่อโรงไฟฟ้า และปรับลดราคาต่อหน่วย ดังนั้นภาครัฐควรมีความชัดเจนในรูปแบบของการต่ออายุโดยเร็ว ซึ่งภาคเอกชนก็พร้อมที่จะสนองนโยบายเพื่อมีส่วนร่วมสร้างประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศที่จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง

- Advertisment -

ที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้เร่งผลักดัน โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยมีการเดินสายพบปะนักลงทุนต่างชาติเพื่อเชิญชวนเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามวันนี้มีเสียงสะท้อนความวิตกกังวลจากกลุ่มนักลงทุนของบริษัทข้ามชาติ เกี่ยวกับความมั่นคงทางพลังงานด้านไฟฟ้าและไอน้ำ ว่าจะมีเพียงพอรองรับการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่หรือไม่

Advertisment