ผู้บริหาร GPSC เดินสายเจรจาสร้างความมั่นใจกลุ่มลูกค้า GLOW ยืนยันปฎิบัติตามสัญญา

480
- Advertisment-

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เดินสายเจรจาสร้างความเข้าใจลูกค้า GLOW กรณีเข้าซื้อกิจการไฟฟ้า GLOW  ทั้งบริษัท ลินเด้, กลุ่มบริษัทSCG และบริษัท ดาวเคมิคอลฯ  ยืนยันปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเดิมอย่างเป็นธรรม  พร้อมรอการพิจารณาจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ชุดใหม่ตัดสินชี้ขาด ว่าดีลดังกล่าว มีเป็นการผูกขาดกิจการไฟฟ้าหรือไม่   โดยในส่วนของบริษัทมองว่าเป็นการซื้อขายปกติ ไม่ผิดกฎหมาย เหตุ GPSC ไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ และไม่มีอำนาจเหนือตลาดในกิจการไฟฟ้าในปัจจุบัน

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2561 ถึงความคืบหน้าการเข้าซื้อกิจการของบริษัท  โกลว์ พลังงาน จำกัด(มหาชน) หรือ  GLOW ว่า GPSC อยู่ระหว่างการเดินทางไปเจรจาทำความเข้าใจกับบริษัทลูกค้าของ GLOW ต่อการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การจำหน่ายไฟฟ้าหลังซื้อกิจการแล้วจะเกิดความเป็นธรรมกับลูกค้าทุกกลุ่ม และเป็นไปตามสัญญาเดิมที่ลูกค้าทำไว้กับ GLOW ซึ่งแต่ละรายเหลือสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอยู่ไม่ต่ำกว่า 10 ปี

ทั้งนี้ยืนยันว่าจะเดินทางไปเจรากับทั้ง 10 รายบริษัทที่เป็นลูกค้าของ GLOW และคัดค้านการซื้อกิจการครั้งนี้  โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2561  GPSC ได้เดินทางไปเจรจาทำความเข้าใจกับ บริษัท ลินเด้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แล้ว และจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU)กันต่อไป และในวันที่ 18 ก.ย. 2561 GPSC จะเดินทางไปเจรจากับผู้บริหารระดับสูง บริษัทในเครือ SCG ปูนซิเมนต์ไทย รวมทั้งในวันที่ 19 ก.ย. 2561 จะเดินทางไปเจรจากับ บริษัท ดาวเคมิคอลประเทศไทย จำกัด ต่อไป ส่วนจะมีการทำ MOU ทุกรายหรือไม่นั้น ขึ้นกับความต้องการของลูกค้าและอยู่ในภายใต้กรอบข้อตกลงทางธุรกิจ

- Advertisment -

อย่างไรก็ตาม GPSC ยังรอการตัดสินของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ว่า GPSC สามารถซื้อกิจการของ GLOWได้หรือไม่ ซึ่งปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ กกพ. ใหม่หมดเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา ดังนั้นต้องรอ กกพ.ชุดใหม่พิจารณา ซึ่งขณะนี้ยังมีการเรียก GPSC ไปให้ข้อมูลใหม่แต่อย่างใด แต่ทั้งนื้ทาง กกพ.ต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้เสร็จในกรอบระยะเวลา 90 วันหลังจากได้รับหนังสือร้องเรียน แต่หากไม่พิจารณาไม่เสร็จสามารถขยายเวลาการพิจารณาได้อีก 15 วัน และไม่ว่าผลการพิจารณาของ กกพ.จะออกมาอย่างไร ทาง GPSC ก็พร้อมน้อมรับ หากไม่อนุมัติให้มีการซื้อขายกิจการครั้งนี้ ทาง GPSC ก็ยังคงดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดความเติบโตต่อไปตามศักยภาพที่มีอยู่

ส่วนกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และในฐานะประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือคัดค้านการที่ GPSC ซื้อกิจการ GLOW ต่อหน่วยงานรัฐต่างๆ นั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมานายกรณ์ไม่เคยเข้ามาเจรจากับทาง GPSC แต่อย่างใด แต่ถ้าหากนายกรณ์เชิญไปชี้แจง ทาง GPSC ก็พร้อม

“เราเป็นเอกชน ไม่มีส่วนทางการเมืองในดีลนี้เลย การที่นายกรณ์ออกมาพูดนั้น เราก็เป็นห่วงว่าจะถูกดึงเข้าไปสู่การเมือง แต่ยืนยันว่าดีลนี้เกิดขึ้นในเชิงพาณิชย์ เป็นการซื้อขายตามปกติ มีคนเห็นด้วยชัดเจน ตลาดหลักทรัพย์ฯรับทราบแล้ว กระบวนการโปร่งใส”

ทั้งนี้ยืนยันว่าการซื้อกิจการ GLOW ในครั้งนี้ ไม่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 75(2) ที่ห้ามรัฐทำธุรกิจแข่งกับเอกชน   เนื่องจาก GPSC ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ เป็นการประกอบกิจการของเอกชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มีประชาชนกว่าหมื่นรายเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งเท่ากับเป็นเจ้าของกิจการด้วย และที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นเห็นชอบ 99.98% ให้ซื้อกิจการได้

นอกจากนี้ก็ไม่ขัดกับกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา8 และ 62 เรื่องการผูกขาดตลาด เนื่องจากหากรวมกิจการระหว่าง GPSC ที่มีกำลังผลิต 1,900 เมกะวัตต์และ GLOW อีก 3,200 เมกะวัตต์ เป็น 5,100 เมกะวัตต์ เท่ากับมีกำลังการผลิตไฟฟ้าคิดเป็น 6.9% ของกำลังการผลิตทั้งประเทศเท่านั้น จึงไม่เข้าข่ายการผูกขาดตลาดแต่อย่างใด

“ครั้งนี้นับเป็นการที่เราซื้อทรัพย์สินจากคนต่างประเทศ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อให้กลับมาให้กับคนไทย เงินที่ได้ก็ไหลกลับเข้ามาในไทย โดยคืนให้กับผู้ถือหุ้น” นายสุรงค์ กล่าว

นายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC  กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการ GLOW ในครั้งนี้ เพื่อสร้างการเติบโตให้บริษัทฯ และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ภาคตะวันออก ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ส่วนการเดินทางไปเจรจากับลูกค้า GLOW เพื่อประสานความเข้าใจอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า และยี่นยันว่าจะสร้างความเป็นธรรมกับลูกค้าทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน

Advertisment