PTT เตรียมทำรายการซื้อขายหุ้นจาก GPSC จำนวนประมาณ 4.655 ล้านหุ้น คิดเป็น 50% มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 693 ล้านบาท ของทุนจดทะเบียนใน GRP โดยดำเนินการผ่านบริษัทย่อยของ ปตท. คือ บริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ PTTGM รองรับการขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการลงทุนประเภทธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม เสริมความเข้มแข็งธุรกิจ ยกระดับความเชื่อมั่นนักลงทุน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ได้มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด หรือ GRP (บริษัทย่อยที่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ถือหุ้น 100%) จาก GPSC จำนวนประมาณ 4.655 ล้านหุ้น คิดเป็น 50% ของทุนจดทะเบียน โดยดำเนินการผ่านบริษัทย่อยของ ปตท. คือ บริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ PTTGM มูลค่ารายการรวมทั้งสิ้นประมาณ 693 ล้านบาท โดยการร่วมทุนดังกล่าวเป็นอีกก้าวของการยกระดับความร่วมมือตามกลยุทธ์ Powering Thailand’s Transformation ซึ่งมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสีย และเชื่อมโยงการทำงานระหว่างบริษัทในกลุ่ม ปตท. รวมถึงสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่ม ปตท. ในการเป็นผู้นำในด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาด อีกทั้งเพื่อให้กลุ่ม ปตท. บรรลุเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 8,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 และเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียนของกลุ่ม ปตท. ในอนาคต นับเป็นการรวบรวมบุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียน จากทั้ง ปตท. และ GPSC มาดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ รวมไปถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่การพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนร่วมกันต่อไป
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นเป้าหมายในการขับเคลื่อนธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน ที่จะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ และโอกาสในการขยายโครงการใหม่ๆ ในระดับสากล รวมทั้งส่งผลให้ GPSC สามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเงินทุนเพื่อใช้ลงทุนในโครงการต่าง ๆ ตามเป้าหมายการเติบโตของบริษัท ที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหลัก และพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้ง GPSC ยังคงเป็นแกนนำนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืนของของกลุ่ม ปตท.
โดยปัจจุบัน GRP ลงทุนในธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และดำเนินธุรกิจบริหารและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม (Solar Farm) จำนวน 9 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ จังหวัดลพบุรี สุพรรณบุรี พิจิตร และ ขอนแก่น มีกำลังการผลิต 39.5 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 25 ปี แบ่งเป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า หรือ Adder ในอัตรา 8 บาทต่อหน่วย (สำหรับช่วง 10 ปีแรกของสัญญา) ในสัดส่วน 3.6 เมกะวัตต์ และ สัญญาในรูปแบบ Feed-in Tariff หรือ FiT อัตรา 5.66 บาทต่อหน่วย ในสัดส่วน 35.9 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าทั้งหมดมีการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ไปแล้วตั้งแต่ปี 2557 – 2558
ข้อมูลเกี่ยวกับ GPSC
GPSC ถือหุ้นโดย บมจ.ปตท. (PTT) ในสัดส่วน 22.8% บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (GC) 22.7% บมจ. ไทยออยล์ (TOP) 8.9% บจ. ไทยออยล์ พาวเวอร์ (TP) 20.8% และนักลงทุนทั่วไป 24.8% (PTT อยู่ระหว่างกระบวนการซื้อหุ้น GPSC จาก TOP 8.9% ที่ TOP ถืออยู่ทั้งหมด ทำให้ PTT จะมีสัดส่วนการถือหุ้น GPSC เพิ่มจาก 22.8% เป็น 31.7% โดยคาดว่ากระบวนการซื้อหุ้นดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภายในปี 2563) โดย GPSC เป็นแกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. ดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าอุตสาหกรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และอื่น ๆ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ได้รับอนุมัติแล้วตามสัดส่วนการถือหุ้น (Equity MW) รวมประมาณ 5,076 เมกะวัตต์ ไอน้ำรวมประมาณ 2,876 ตันต่อชั่วโมง น้ำเย็นรวมประมาณ 15,400 ตันความเย็น และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมรวมประมาณ 7,372 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง