ปตท.สผ.เร่งเจาะหลุมติดตั้ง 8 แท่นผลิตก๊าซฯแหล่งเอราวัณเพิ่มภายในสิ้นปี 65

1179
- Advertisment-

ปตท.สผเผยความคืบหน้าการผลิตก๊าซฯ แหล่งเอราวัณ ปัจจุบันผลิตได้รวม 210 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เร่งทำการขุดเจาะและติดตั้งแท่นผลิตแล้ว 4 แท่น คาดจะดำเนินการให้ครบ 8 แท่นภายในสิ้นปี 2565 นี้ ระบุได้เข้าร่วมประมูลขอสิทธิ์ผลิตและสำรวจปิโตรเลียมรอบ 24 ด้วย รอฟังผลการพิจารณาของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ คาดชัดเจน .. 2566 พร้อมประเมินราคาน้ำมันปลายปี2565 เฉลี่ย 80-114 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

นายธนัตถ์ ธำรงศักดิ์สุวิทย์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผย ในงานOppday Q3/2022 บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2565 ว่า ความคืบหน้าโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ ( G1/61) นั้น บริษัทได้เร่งเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซฯให้ได้ตามแผน โดยปัจจุบันมีกำลังผลิตอยู่ที่ 210 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (จากสัญญาที่ต้องผลิตให้ได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน )ซึ่งหลังจากเข้ารับเป็นผู้ดำเนินงานเมื่อเดือน เม.ย.2565 เป็นต้นมา บริษัทได้เริ่มทำการขุดเจาะและติดตั้งแท่นผลิตแล้ว 4 แท่น และจะดำเนินการให้ครบ 8 แท่นภายในสิ้นปี 2565 นี้ 

นอกจากนี้ บริษัท ยังเข้าร่วมยื่นประมูลขอสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียม รอบที่ 24 ซึ่งอยู่ระหว่างรอฟังผลการพิจารณาของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ คาดว่า จะมีความชัดเจนภายในเดือน ก.พ.2566

- Advertisment -

ทั้งนี้บริษัทฯ ประเมินว่า ในไตรมาส 4 ปี 2565 นี้ ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย จะอยู่ที่ 80-114 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 101 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนราคาก๊าซฯเฉลี่ยทั้งปี 2565 จะอยู่ที่ 40-53 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู โดยการใช้ก๊าซฯของโลกจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 397 ล้านตันต่อปี ขณะที่กำลังการผลิตก๊าซฯ ของโลก จะอยู่ที่ 420 ล้านตันต่อปี

ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งปี 2565 คาดว่า ปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ย จะอยู่ที่ 468,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่เคยประเมินว่า จะอยู่ที่ระดับ 465,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการเร่งเพิ่มกำลังผลิตก๊าซฯในอ่าวไทยทั้งโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) โครงการบงกช และอาทิตย์ รวมถึงโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ที่เริ่มทำการขายน้ำมันแล้ว

ขณะที่ราคาก๊าซฯ เฉลี่ยทั้งปี 2565 นี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 6.3 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู และต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) เฉลี่ยทั้งปี 2565 นี้ จะอยู่ที่ 29-30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และEBITDA Margin จะอยู่ที่ระดับ 70-75% ตามที่คาดการณ์ไว้ 

สำหรับความคืบหน้าแผนการลงทุนของบริษัทนั้น ในส่วนของโครงการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียม(E&P) ได้แก่ โครงการในมาเลเซีย ในโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย(MTJDA)ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซีย ให้ขยายอายุสัญญาต่อไปอีก 10 ปี ซึ่งจะหมดอายุในปี  2582 พร้อมให้สิทธิในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่โดยรอบเพิ่มเติมนอกจากนั้นยังได้ปริมาณก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 30 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพื่อช่วยสนับสนุนความต้องการการใช้ก๊าซฯ ในประเทศไทย

รวมถึง ยังมีอีก 8 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการสำรวจและรอประเมินผล และอยู่ระหว่างประเมินผลการเจาะหลุม ลัง เลอบาห์-2 ในโครงการซาราวักเอสเค 410 บี ขณะที่เหตุการณ์ท่อส่งก๊าซฯแหล่งซอติก้ารั่ว และต้องหยุดส่งก๊าซฯมาประเทศไทย 2 สัปดาห์นั้น ปัจจุบันแก้ไขปัญหาเรียบร้อยและดำเนินการจัดส่งก๊าซฯได้ตามปกติแล้ว และยังเพิ่มการขุดเจาะหลุมสำรวจก๊าซฯ เพิ่มเติมในช่วงปลายปี 2565 นี้ด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของโครงการ GAS TO POWER ยังคงดำเนินการตามแผนงาน ทั้งการประเมินศักยภาพปิโตรเลียมและการร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้า

ขณะที่การลงทุนในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในส่วนของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) บริษัทมีแปลง ออฟชอร์ 1 และ 3 ที่อยู่ระหว่างการศึกษาทางธรณีวิทยาและประเมินศักยภาพทางปิโตรเลียมรวมถึงประสบความสำเร็จจากการเจาะหลุมสำรวจหลุมแรกในโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2  ได้ค้นพบก๊าซธรรมชาติในแหล่งกักเก็บโดยรวมประมาณ 2.5 – 3.5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต โดยอยู่ระหว่างการประเมินผลเพื่อพัฒนาโครงการต่อไป 

ส่วนการลงทุนในภูมิภาคอื่นๆ เช่น ในประเทศแอลจีเรีย บริษัทฯ คาดว่า โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิเบอร์ ราเคซจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ปี 2565 นี้ หลังเริ่มผลิต เฟส 1 ไปแล้วเมื่อต้นปีในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยกำลังการผลิตระยะแรก 13 พันบาร์เรลต่อวัน 

นอกจากนี้ ในส่วนของโครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน ที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของประเทศโมซัมบิก บริษัทฯอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมจัดทำแผนกลับเข้าไปลงทุนในพื้นที่ สำหรับการลงทุนในบราซิลนั้น ปตท.สผ. ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายเพื่อขายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัทPTTEP Brazil Investments in Oil and Gas Exploration and Production Limitada (PTTEP BL) ซึ่งจดทะเบียนในสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล พร้อมทั้งภาระผูกพันทั้งหมด ให้แก่บริษัท Ubuntu Engenharia e Serviços Ltda. โดย PTTEP BL ถือสัดส่วนการลงทุนในโครงการบารารินเนียส์ เอพี1 ที่ 25% และโครงการบราซิล บีเอ็ม อีเอส 23 ที่ 20% การซื้อขาย จะมีผลสมบูรณ์เมื่อบรรลุเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขาย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2565

นางสาวอรชร อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP กล่าวว่า บริษัทฯ ยังยึดนโยบายจ่ายเงินปันผล ไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ รวมถึงจะพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น อัตราผลตอบแทนเงินปันผล จำนวนเงินที่จ่าย ปริมาณเงินสดคงเหลือของบริษัท และเงินที่เก็บไว้สร้างการเติบโตของบริษัทในอนาคต โดยเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา บริษัท ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว ที่อัตรา 4.25 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ที่ 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Advertisment