ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสัปดาห์นี้ (21-25 มิ.ย. 2564) โดยคาดการณ์ว่ายังอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน จากปัจจัยการใช้พลังงานที่ฟื้นตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตา สถานการณ์การผลิตในสหรัฐฯและการประชุมทบทวนมาตรการลดกำลังการผลิตของ OPEC ในวันที่ 1 ก.ค. นี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เวสท์เท็กซัสฯ และดูไบ รวมถึงราคาน้ำมันสำเร็จรูปเบนซินและดีเซล ต่างปรับสูงขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (14- 18 มิ.ย. 64) โดยมีปัจจัยต่างๆ ดังนี้
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- รัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกข้อจำกัดทางสังคมและการประกอบธุรกิจ หลังจากประชาชนในรัฐ 70% ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 อย่างน้อย 1 โดส ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ (GDP) ในปี 2564 โดยคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 7% จากปีก่อน ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ในเดือน มี.ค. 64 ที่ 6.5%
- สำนักงานสถิติของจีน (NBS) รายงานปริมาณการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่น (Crude Throughput) ในเดือน พ.ค. 64 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 160,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ระดับ 14.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดตั้งแต่ พ.ย. 63
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- คณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (ปัจจุบันอยู่ในช่วง 0-0.25%) ภายในปี 2566 เร็วขึ้นกว่าเดิม 1 ปี จากที่เคยส่งสัญญาณไว้ว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567
- สำนักงานสารสนเทศพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ปริมาณการผลิต Shale Oil จาก 7 แหล่งผลิตใหญ่ ในเดือน ก.ค. 64 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 38,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 7.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ย. 63
–
–
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบว่ามีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ตามมุมมองเชิงบวกต่อการใช้พลังงานที่ฟื้นตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2564 จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.36 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 96.39 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นจากปีนี้ 3.07 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 99.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ประเด็นที่น่าจับตา คือ การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากการเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุม (ประมาณปลายเดือน มิ.ย.- พ.ย. ของทุกปี) ล่าสุดกระแสลมในอ่าวเม็กซิโกมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบนอกชายฝั่งบางแห่ง เริ่มอพยพพนักงานบางส่วนออกจากพื้นที่ อาทิ บริษัท Equinor, Chevron, และ Occidental Petroleum เนื่องจากกังวลว่าจะก่อตัวเป็นพายุรุนแรง รวมทั้งการประชุมกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 1 ก.ค. 64 เพื่อทบทวนมาตรการจำกัดการผลิตน้ำมันดิบ ซึ่งปัจจุบันมีข้อตกลงลดการผลิต โดยในเดือน มิ.ย.- ก.ค. 64 อยู่ที่ระดับ 6.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 5.759 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ และซาอุดีอาระเบียลดการผลิตนอกเหนือข้อตกลง ในเดือน มิ.ย. 64 อีก 400,000 บาร์เรลต่อวัน และวางแผนจะยกเลิกในเดือน ก.ค. 64