บี.กริม พุ่งเป้าดันธุรกิจ”บีกริม ฟาร์มา” ชิงเบอร์ 1 ตลาดยาปี 2573

334
- Advertisment-

บี.กริม สยายปีกสู่ 6 กลุ่มธุรกิจ พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจฐานราก ตั้งเป้าสร้าง  “บีกริม ฟาร์มา” สู่ผู้นำธุรกิจในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร เผยกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรใน 5 ปีข้างหน้า ฉลองการเข้าสู่ปีที่ 150 มุ่งเติบโตก้าวกระโดด ขึ้นแท่นองค์กรชั้นนำระดับโลก

นายนพเดช กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานการลงทุน นวัตกรรม และความยั่งยืนและสายงานธุรกิจในประเทศไทยและมาเลเซีย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บี.กริม ได้ขยายธุรกิจสู่ 6 กลุ่มธุรกิจ  ได้แก่ 1. ธุรกิจด้านพลังงาน 2. ธุรกิจอุตสาหกรรม 3. ธุรกิจสุขภาพ 4. ธุรกิจเทคโนโลยีดิจิตัล 5. ธุรกิจไลฟ์สไตล์  เป็นตัวแทนสินค้าแฟชั่นหลายกลุ่ม และ 6. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

โดยตั้งเป้าสร้าง  “บีกริม ฟาร์มา” สู่ผู้นำธุรกิจในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร และครองส่วนแบ่งยอดขายอันดับ 1 ของประเทศ ในปี 2573 ช่วยประชาชนเข้าถึงยาได้ 4.5 ล้านคน ซึ่งในอีก 5 ปี บี.กริมจะเข้าสู่ปีที่ 150 และจะมุ่งสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดด ขึ้นแท่นองค์กรชั้นนำระดับโลก

- Advertisment -

บี.กริม ตั้งเป้าหมายการเติบโตของแต่ละธุรกิจ โดยเฉพาะใน 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าตามยุทธศาสตร์ระยะยาว “GreenLeap – Global and Green” โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 50% ในปี 2573 และตั้งเป้าขยายการลงทุนสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนา ในปี 2573 และมีเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon Emissions ภายในปี 2593 หรือ คศ. 2050 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาโครงการในประเทศไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อิตาลี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง และได้เปิดดำเนินการ (COD) แล้วรวม 3,970 เมกะวัตต์ เมื่อรวมโครงการซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีก 12 โครงการ จะมีกำลังการผลิตรวมเป็น 4,623 เมกะวัตต์ โดยความสำเร็จมาจากจุดแข็งในการเป็นผู้นำกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม และพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจระดับโลก

สำหรับในปี 2566 บี.กริม เพาเวอร์ มีการขยายโครงการต่างๆ ในต่างประเทศจำนวนมาก โดยมีไฮไลท์สำคัญคือประเทศเกาหลีใต้ ด้วยการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 122.49 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมกว่า 1,000 เมะวัตต์ ส่งผลให้ บี.กริม เพาเวอร์ เป็น 1 ในตัวแทนจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สเปน สหรัฐอเมริกา และไทย ที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลเกาหลีใต้ เข้าร่วมงาน Investment Korea 2023 พร้อมได้รับรางวัลจากรัฐบาลเกาหลีใต้อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนภายใต้ บี.กริม เพาเวอร์ ยังได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลไทยจำนวน 15 โครงการ รวมกำลังการผลิต 339.3 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันได้เตรียมพร้อมเข้าร่วมโครงการพลังงานหมุนเวียนในรอบถัดไปแล้ว

2.บี.กริม อุตสาหกรรม หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ บี.กริม ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยผลการดำเนินงานในปี 2566 มีรายได้เติบโตขึ้น 14% สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงภาพรวมอุตสาหกรรมอื่นซึ่งเติบโตน้อยกว่า สำหรับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้แก่ ระบบปรับอากาศแคเรียร์ ที่ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจระบบปรับอากาศในประเทศไทย จากการเดินหน้าสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนจากพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย รวมถึงการเปิดตัวนวัตกรรมและบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยที่สามารถเชื่อมต่อระบบ IoT ระบบปรับอากาศแบบ VRF สำหรับอาคาร หรือระบบบริการหลังการขายที่สามารถแจ้งการทำงานผิดปกติได้โดยอัตโนมัติ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกระแสความนิยมของผู้บริโภคที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยชูจุดเด่นเรื่องการบริการแบบครบวงจรและรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย พร้อมทางเลือกในการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ โดยในปี 2566 บี.กริม ได้ติดตั้งประมาณ 70 หัวชาร์จให้แก่หลากหลายผู้ประกอบการ โดยปีนี้ได้เน้นขยายธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แพลตฟอร์มของ บี.กริม เอง ขณะเดียวกันยังมีการขยายธุรกิจไปสู่การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แบบ EPC ซึ่งเป็นการให้บริการติดตั้งแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Turn-Key ตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง ขออนุญาต จนจบกระบวนการ และมีการพัฒนาโซลูชันเพื่อสุขภาพที่ดีแก่ผู้ใช้อาคาร หรือ Healthy Living Solution ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีระบบไฟ UV-C ยับยั้งเชื้อโรคในระบบปรับอากาศ ซึ่งมีการติดตั้งในห้างสรรพสินค้าเครือเซ็นทรัลแล้วกว่า 6 แห่ง และมีแผนขยายไปยังสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในระยะยาวถึง 3 เท่าภายในปี 2573 ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืน

3.ธุรกิจ บี.กริม ฟาร์มา อีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจเรือธง ที่ บี.กริม ให้ความสำคัญมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2421 ย้อนกลับไป 145 ปี กับร้านปรุงยาตำรับตะวันตกแห่งแรกของประเทศไทย ในชื่อ “สยามดิสเป็นซารี่” และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นร้านยาหลวงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จุดเริ่มต้นของปรัชญาแห่งการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารีของ บี.กริม ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อส่วนรวมและสังคม และวันนี้ด้วยสถานการณ์ด้านสาธารณสุขของประเทศที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงการรักษา บี.กริม จึงได้กลับมาสานต่อธุรกิจฐานรากดังกล่าวภายใต้ “บี.กริม ฟาร์มา” ซึ่งยังคงมุ่งเน้นเจตนารมณ์เดิมที่ชัดเจน นั่นคือการมุ่งสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับผู้คน ส่งเสริมการเข้าถึงยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ป่วย เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ได้แก่ ยา และ เวชภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด 2. กลุ่มยารักษาโรคระบบประสาทและจิตเวช 3. กลุ่มยารักษาโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ 4. กลุ่มยารักษาโรคระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เวชสำอาง และเครื่องมือแพทย์ อีกด้วย

“บี.กริม พร้อมเดินหน้าเติบโตสู่องค์กรชั้นนำระดับโลก ก้าวสู่ความสำเร็จและขยายธุรกิจไปในหลายประเทศทั่วโลก ผลักดันให้ต่างประเทศเห็นถึงศักยภาพของคนไทย และช่วยนำพาธุรกิจ และพันธมิตรทุกคนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน”

ในภาพ จากซ้ายไปขวา
คุณกิตติศักดิ์ ดำรงธนานุรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บี.กริม ฟาร์มา
คุณกิตติ พัฒนลีนะกุล ประธานกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม
คุณนพเดช กรรณสูต
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานการลงทุน นวัตกรรม และความยั่งยืนและสายงานธุรกิจในประเทศไทยและมาเลเซีย
คุณศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี
คุณศลยา ณ สงขลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และความยั่งยืนองค์กร
Advertisment