สาเหตุสำคัญของการเกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ ฝุ่น PM2.5 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในเมืองใหญ่ ซึ่งมีการจราจรหนาแน่น คือควันไอเสียจากรถยนต์โดยเฉพาะรถที่ปล่อยควันดำ ซึ่งเกิดจากระบบเครื่องยนต์ดีเซลเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์เก่าที่มีอายุการใช้งานนานๆ เช่นรถเมล์ รถบรรทุก รถปิกอัพขนส่งสินค้า
ดังนั้น เมื่อต้องการลดผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 รัฐโดยหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นั่นคือ ไม่ปล่อยให้มีรถยนต์ควันดำออกมาวิ่งตามท้องถนน ซึ่งมีมาตรการที่ต้องทำควบคู่กันไปทั้งไม้นวมและไม้แข็ง
มาตรการที่เป็นไม้นวม นั้น ทำได้โดยการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ใช้รถยนต์กลุ่มเป้าหมายที่จะปล่อยควันดำ ต้องหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนดไว้ โดยรถที่ต้องใช้งานบ่อยๆจะต้องเปลี่ยนทุก ๆ 5,000 ก.ม. หรือทุก 3 เดือน ส่วนรถที่ใช้งานทั่วไปจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อวิ่งถึงระยะ 8,000 – 10,000 ก.ม. หรือทุก 6 เดือน
การหมั่นตรวจดูไส้กรองอากาศ หากพบฝุ่นอุดตันที่ไส้กรอง ก็ควรถอดออกมาเคาะเบา ๆ หรือเป่าทำความสะอาด แต่ถ้าไม่ถนัดแบบช่าง ก็ แนะนำเข้าศูนย์ซ่อมจะดีที่สุด เพื่อจะได้เปลี่ยนไส้กรองใหม่ไปเลย เพราะที่ศูนย์ซ่อมจะได้ช่วยดูระบบหัวฉีดน้ำมัน และระบบจ่ายน้ำมันของเครื่องยนต์ไปให้ด้วย
ทั้งนี้ รัฐอาจจะประสานความร่วมมือกับบริษัทผู้ค้าน้ำมันในการออกแคมเปญให้ส่วนลดพิเศษ สำหรับรถที่มาเข้าศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และตรวจเช็คสภาพตามระยะทาง
โดยส่วนนี้ ทางกลุ่มปตท. โดยบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ นั้น ได้ให้ความร่วมมือแล้วโดยจัดโปรโมชั่นจูงใจผู้ใช้รถตรวจเช็คสภาพรถยนต์ฟรี 30 รายการ พร้อมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในราคาพิเศษที่ศูนย์บริการรถยนต์ ฟิต ออโต้ (FIT Auto)ระหว่างวันที่ 25 มกราคม 2563 – 29 กุมภาพันธ์ 2563
ในขณะที่ช่วงก่อนหน้านี้ ตั้งแต่19 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ถึง 31 มกราคม 2563 ก็มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่เติม น้ำมัน พีทีที อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล บี 10 และ พีทีที อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล พรีเมียม ที่จะได้รับคะแนนสะสมบัตรพีทีที บลูการ์ด (PTT Blue Card) ถึง 10 เท่า และเมื่อเติมครบทุก 500 บาท ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 – 31 มีนาคม 2563 จะได้รับน้ำดื่ม ขนาด 1.5 ลิตร ฟรี โดยดีเซลทั้งสองชนิดนี้ มีการการันตีว่าใช้แล้วช่วยลดการเกิดฝุ่น PM2.5
อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูกันต่อว่า นอกเหนือจากกลุ่ม ปตท.แล้ว จะมีบริษัทผู้ค้าน้ำมันค่ายไหนอีกบ้าง ที่จะออกแคมเปญจูงใจ ผู้ใช้รถให้หันมาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเข้าตรวจเช็คสภาพรถตามระยะอีกบ้าง
สำหรับทางแก้ที่ได้ผลเร็วและเป็นไม้แข็งสำหรับรถควันดำ คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจังกับรถยนต์ที่ปล่อยควันดำ ที่หน่วยงานรัฐต้องสั่งห้ามวิ่งและมีบทลงโทษปรับกับผู้ใช้รถที่ฝ่าฝืน เพราะถ้ากรมการขนส่งทางบกกับตำรวจจราจรไม่เอาจริงกับการจับปรับรถปล่อยควันดำ เราก็คงจะเห็นรถควันดำวิ่งสร้างปัญหาอยู่ตามท้องถนนอยู่ต่อไป เพราะเห็นว่าวิ่งได้ไม่มีความผิด และมาตรการไม้นวมที่สร้างแรงจูงใจให้รถกลุ่มนี้มาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง คงจะไม่ได้ผล
ล่าสุดเป็นเรื่องที่ต้องปรบมือให้ กับ 12 มาตรการป้องกันและแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2563 ให้ความเห็นชอบ ที่มีทั้งไม้แข็งและไม้นวม โดยมาตรการที่สำคัญ ที่เป็นมาตรการไม้แข็ง คือ
- ขยายเขตพื้นที่จำกัดรถบรรทุกเข้ากรุงเทพฯ จากวงแหวนรัชดาภิเษก เป็นวงแหวนกาญจนาภิเษก
- การห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ ในวันคี่ ระหว่าง ม.ค.-ก.พ. 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังคงมีปัญหาการเกิดฝุ่นPM2.5
- การตรวจวัดควันดำรถโดยสาร (ไม่ประจำทาง) ทุกคัน โดยเพิ่มชุดตรวจเป็น 50 ชุด ครบทั้ง 50 เขตของกรุงเทพฯ
- การตรวจสอบ ตรวจจับรถควันดำสำหรับรถโดยสารและรถบรรทุก เพื่อออกคำสั่งห้ามใช้รถ
ส่วนมาตรการไม้นวม คือ
- การลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกิน 10 ppm ซึ่งเป็นน้ำมันที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองน้อย
- การขอความร่วมมือลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวมาทำงาน และรถยนต์ของส่วนราชการต้องผ่านมาตรฐานควันดำทุกคัน
- การสนับสนุนการจัดโครงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์ดีเซลที่มีอายุเกิน 5 ปี เพื่อช่วยลดฝุ่นละออง และ
- การสร้างการรับรู้และเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละออง
ปัญหาฝุ่น PM2.5 ถือเป็นปัญหาของส่วนรวม ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่การจราจรหนาแน่น มีตึกอาคารสูงบังทิศทางลม ดังนั้น ทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชน จึงควรต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง ในการป้องกันไม่ให้ปัญหารุนแรงมากขึ้นทั้งในปีนี้และปีต่อๆไป