กระทรวงพลังงาน เร่งประชุมจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว หรือ PDP ฉบับใหม่ ให้ทันเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในเดือน ธ.ค. 2561 นี้ ชี้ปี 2569 ต้องมีโรงไฟฟ้ารองรับกำลังการผลิตที่จะน้อยลงกว่าความต้องการใช้ที่จะเพิ่มขึ้น พุ่งเป้าเพิ่มโรงไฟฟ้า LNG เป็นหลัก ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินถูกโยกไว้ท้ายแผนให้เกิดขึ้นหลังปี 2570
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center : ENC) รายงานว่า กระทรวงพลังงาน ได้เรียกสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมเร่งรัดจัดทำร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP ปี2561-2580 เพื่อให้เสร็จทันนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในเดือน ธ.ค. 2561 ก่อนเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในช่วงต้นปีหน้าต่อไป
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างลงรายละเอียดในการพิจารณาคัดเลือกโรงไฟฟ้าที่จะนำเข้ามารองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่มีโรงไฟฟ้าที่เริ่มปลดระวางหรือลดกำลังการผลิตลงตามระยะเวลา ซึ่งสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นในช่วงปี 2569 แต่ในปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30% ของกำลังการผลิตติดตั้ง ซึ่งจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าไปจนถึงปี 2567-2568 เท่านั้น
ทั้งนี้ มีรายงานว่ากระทรวงพลังงานจะให้ความสำคัญในการเลือกใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ หรือ ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สำหรับโรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นใหม่ในช่วงปี 2569 เพื่อความมั่นคงในระบบไฟฟ้าหลัก ส่วนเชื้อเพลิงถ่านหิน ยังมีปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่าง และยังต้องรอผลการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) สำหรับพื้นที่จัดตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ก่อน จึงคาดว่าจะกำหนดสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินไว้ในแผนในช่วงหลังปี 2570
สำหรับพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ตามแผน PDP ฉบับใหม่ ในปลายแผนปี 2580 จะอยู่ที่ 61,965 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากแผน PDP 2015 ฉบับปัจจุบัน (ปี2558-2579) ที่เดิมคาดว่าพีคในปลายแผนปี 2579 จะอยู่ที่ 49,655 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตามแผน PDP ใหม่ จะแบ่งเป็นรายภาค 6 ภูมิภาค 1 พื้นที่ แบ่งเป็น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคใต้ และพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อให้เกิดการลงทุนและเพิ่มความมั่นคงเป็นรายภาค อีกทั้งยังจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงกระจายอยู่ในทุกภาคด้วย