ครม.อนุมัติโททาลเอนเนอร์ยี่ส์ อีพี ไทยแลนด์ โอนสิทธิสัมปทานแปลง G12/48 ให้ ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล

192
ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- Advertisment-

คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 มีมติอนุมัติให้โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ อีพี ไทยแลนด์ โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะ ที่ถือครองอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 33.33 ในสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2549/71 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G12/48 ให้แก่บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งจะมีผลทำให้ บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้รับสัมปทานและผู้ดำเนินงานเพียงรายเดียวของสัมปทานนี้  พร้อมอนุมัติให้ เมดโค เอนเนอร์จี ไทยแลนด์ (บัวหลวง) ลิมิเต็ด และเมดโค เอนเนอร์จี ไทยแลนด์ (อีแอนด์พี) ลิมิเต็ด ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2539/50 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข B8/38 ออกไปอีก 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2578

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center -ENC ) รายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้อนุมัติ 3 เรื่องสำคัญที่อยู่ในการกำกับดูแลของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ตามที่กระทรวงพลังงานนำเสนอ  ประกอบด้วย 

1. การอนุมัติให้โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ อีพี ไทยแลนด์ โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะ ที่ถือครองอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 33.33 ในสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2549/71 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G12/48 ให้แก่บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ กระทรวงพลังงาน จะออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2549/71 ตามแบบ ชธ/ป3/1 ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. 2555 ต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอ

- Advertisment -

 ทั้งนี้ ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน และผู้ดำเนินงานในแปลงสำรวจดังกล่าวอยู่แล้ว (ถือครองสิทธิ ประโยชน์ และพันธะอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 66.67) เมื่อมีการโอนสัมปทานตามที่เสนอขอในครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว จะมีผลทำให้ บริษัท เป็นผู้รับสัมปทานและผู้ดำเนินงานเพียงรายเดียวของสัมปทานนี้  โดยทั้ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไม่ขัดข้องต่อการโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2549/ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G12/48 ดังกล่าว

2. การอนุมัติให้ เมดโค เอนเนอร์จี ไทยแลนด์ (บัวหลวง) ลิมิเต็ด และเมดโค เอนเนอร์จี ไทยแลนด์ (อีแอนด์พี) ลิมิเต็ด ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2539/50 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข B8/38 ออกไปอีก 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2578 ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะได้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2539/50 ตามแบบ ชธ/ป3/1 ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. 2555 ตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอ

ในการต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมตามขั้นตอน ทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้เจรจากับผู้รับสัมปทานเกี่ยวกับผลประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมจนได้ข้อยุติแล้ว โดยคิดเป็นมูลค่า 39.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะก่อให้เกิดเป็นรายได้แก่รัฐตลอดการต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมประมาณ 752 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

3. การอนุมัติให้บริษัท พลังโสภณ จำกัด โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะ ที่ถือครองอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 11 ในสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 8/2549/76 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G10/48 ให้แก่บริษัท แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และกระทรวงพลังงาน จะออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 8/2549/76 ตามแบบ  ชธ/ป3/1 ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. 2555 ต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอ

Advertisment