กลุ่มบริษัท บี ปิโตรไทย (BE Petrothai Group) เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรม น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี โดยที่ผ่านมา ได้ยึด 4 หลักการบริหาร ที่ทำให้องค์กรยืนหยัดดำเนินธุรกิจมาตลอด คือ คน โครงสร้างการบริหารองค์กร ESG และเทคโนโลยี รวมถึงการปรับตัวให้เข้าโลกปัจจุบัน อาริยทัศน์ ศุทธชัย ประธานบริหารของกลุ่มบริษัท และ ตาม จำนงค์อาษา กรรมการบริหาร พร้อมแบ่งปันมุมมองการบริหาร ที่ทำให้องค์กรแห่งนี้ สามารถดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 40 ปี
ชุมชนของคนทำธุรกิจ
อาริยทัศน์ เผยว่า กลุ่มบริษัท บี ปิโตรไทย คือ ชุมชนของคนทำธุรกิจร่วมกัน 5 บริษัท ซึ่งใช้หลักการบริหารที่เน้นเรื่องการแบ่งปันทรัพยากรที่มี การทำกิจกรรมที่ถนัด และแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น เพื่อความสำเร็จในทุกๆ สัญญาที่ให้ไว้กับลูกค้า (Successful Contract) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคน สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง
“เรารักษาสมดุลย์และปรับลดข้อจำกัด เพื่อเชื่อมโยงระหว่างความต้องการของลูกค้า และ คู่ค้าที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีผสาน Global Technology กับ Local Strength สร้างความเข้าใจร่วมกัน ด้วยการเป็น Adaptive Innovation Partner หรือ พันธมิตรนวัตกรรม ที่พร้อมปรับ…เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”
ปรับโครงสร้างการบริหารองค์กร
อาริยทัศน์ เสริมต่อว่า โครงสร้างการบริหารของกลุ่มบริษัท ผ่านการ re-engineering มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 และพัฒนาปรับตัวเองมาตลอด เพื่อนำไปสู่ Flat organization ปัจจุบันมีสมาชิกเพียง 50 กว่าคน ที่มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกระบวนการทำงาน (Process Owner) และเมื่อแต่ละคนทำงานจนเชี่ยวชาญจนมองเห็นภาพรวม จะสามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นนักธุรกิจ (Business Owner) ที่ร่วมกันทำงานในโครงการขนาดใหญ่ขึ้นได้
“เราจัดให้มี Management Lab ให้สมาชิกร่วมกันต่อยอด ใช้ Model ในการทำงานทำให้ทุกทีมเห็นภาพเดียวกัน ร่วมกันพัฒนาข้อมูล ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ปิดงานได้ตรงตามสัญญา และลดความเสี่ยงของงานที่อาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัท” อาริยทัศน์ กล่าว
–
ESG ส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรยั่งยืน
ด้าน ตาม กรรมการบริหาร ของกลุ่มบริษัท กล่าวว่า เราคัดเลือกเทคโนโลยีสินค้าที่ช่วยลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เพราะ คู่ค้า ลูกค้า ผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งบริษัทเอง ต่างก็เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อสังคม ความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล (ESG)จึงพยายามสร้างมาตรฐานให้องค์กร ด้วยการให้หน่วยงานภายนอกที่ไม่แสวงหาผลกำไรในระดับสากลอย่าง TRACE มาประเมินความโปร่งใส จนบริษัท อินทรายแอม จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัท ได้รับ ‘TRACE Certification’ มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009)
“กลุ่มกรรมการบริหาร มองว่า ความโปร่งใสเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ ดังนั้นเราจึงเป็นกลุ่มบริษัท SMEs กลุ่มแรกๆ ที่เข้าร่วมและผ่านการรับรองจากแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย “CAC” (Private Sector Collective Action Against Corruption)” ตาม กล่าว
ปรับตัวให้เข้ากับโลกปัจจุบัน
ตาม ยังกล่าวอีกว่า “กลุ่มบริษัทของเราเห็นความสำคัญของการเก็บและใช้ข้อมูลมาตั้งแต่อดีต เราจึงสะสมองค์ความรู้ที่เกิดจากการทำงานและประสบการณ์ของสมาชิกในชุมชนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็น Knowledge Management ขององค์กร และพัฒนาเป็น Digital Platform ที่เรียกว่า ‘BE Work’ เพื่อให้เกิดการ Decentralized ของข้อมูลในองค์กร ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาในการทำงานให้กับ ลูกค้า คู่ค้า เพราะเป็น Platform ที่สร้าง Virtual Co-Working Space ที่เหมือนกับการทำงานที่ออฟฟิศได้ตลอดเวลา ทำให้ทุกฝ่ายต่างเห็นชุดข้อมูลเดียวกัน เกิดการทำงานร่วมกันและส่งต่อองค์ความรู้กันได้อย่างไม่มีรอยต่อซึ่งการใช้ข้อมูล ที่ผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งมาตลอด 40 ปีทำให้ภาพที่คิดไว้ เกิดขึ้นได้จริง จนสามารถ ตอบโจทย์ โลกในปัจจุบัน และอนาคตได้”
–