ปลัดกระทรวงพลังงาน กำชับ กฟผ.และปตท. เร่งลงทุนตามแผน ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผย ว่า ได้กำชับให้ 2 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงพลังงาน คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เร่งเดินหน้าโครงการลงทุนต่างๆที่อยู่ในแผนของแต่ละหน่วยงาน เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบาย แผนการลงทุนภาคพลังงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
โดยโครงการลงทุนในส่วนของ กฟผ. จะเป็นการเตรียมพร้อมแผนลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 – 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev1) เช่น การก่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ, การลงทุนโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร ,การลงทุนสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ที่มี กฟผ. ถือหุ้น 40%และมีบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO (เอ็กโก กรุ๊ป) ร่วมถือหุ้นด้วยแห่งละ 30% เพื่อร่วมกันพัฒนาต่อยอดผลงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของ กลุ่ม กฟผ. สู่เชิงพาณิชย์ ซึ่งอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยหากผ่านการเห็นชอบแล้ว จะถือเป็นส่วนสำคัญในการลงทุนขับเคลื่อนนวัตกรรมพลังงานรูปแบบใหม่
สำหรับส่วนของ ปตท. เป็นการเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้าได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งเชื้อเพลิงทั่วไป (Conventional) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable) ให้บรรลุเป้าหมายอย่างละ 8,000 เมกะวัตต์ หรือ มีกำลังผลิตรวม 16,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573
รวมถึงการประกาศขยายการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV แบบครบวงจร (EV value chain) และธุรกิจการผลิตแบตเตอรี่ อีกทั้ง ปตท.และ กฟผ.ยังได้ร่วมมือกันเข้าไปลงทุนโครงการ LNG Receiving Terminal (แห่งที่ 2) ต.หนองแฟบ จ. ระยอง ขนาด 7.5 ล้านตันต่อปี ในสัดส่วน 50:50 และอยู่ระหว่างหารือกันที่จะมีความร่วมมืออื่นๆเกิดขึ้นอีกหลายโครงการตามมาด้วย