“กัลฟ์” ลงนามสัญญาจ้าง กฟผ.ให้ช่วยดูแลงานบริการที่ปรึกษาวิศวกรรม (ภาคสนาม)โครงการโรงไฟฟ้า 2 แห่ง คือ GSRC ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ดำเนินการโดยบริษัท กัลฟ์ เอสอาร์ซี จำกัด ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 2,500 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าGPD ตั้งอยู่ที่ อำเภอปลวกแดง จังหวัด ระยอง ดำเนินการโดยบริษัท กัลฟ์ พีดี ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 2,500 เมกะวัตต์ มูลค่างานตามสัญญา รวม 400 ล้านบาท
นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ กัลฟ์ เปิดเผยว่า ตามที่กัลฟ์อยู่ระหว่างการเตรียมการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพี กัลฟ์เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการให้ผู้มีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างและพัฒนาโรงไฟฟ้าเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีความเชี่ยวชาญในด้านดังกล่าว กัลฟ์จึงได้ให้กฟผ.เข้ามาดูแลงานบริการที่ปรึกษาวิศวกรรมและก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 5,000 เมกะวัตต์ โดยมีการลงนามในสัญญางานบริการที่ปรึกษาวิศวกรรม (ภาคสนาม) มูลค่ารวม 400 ล้านบาท
โดย สัญญาที่กัลฟ์และกฟผ.ลงนามร่วมกันในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 สัญญา ประกอบไปด้วย 1. สัญญางานบริการที่ปรึกษาวิศวกรรม (ภาคสนาม) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้า GSRC ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 2,500 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ดำเนินการโดยบริษัท กัลฟ์ เอสอาร์ซี จำกัด อายุสัญญาประมาณ 4 ปี ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 – เดือนตุลาคม 2565 และ 2.สัญญางานบริการที่ปรึกษาวิศวกรรม (ภาคสนาม) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าGPD ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 2,500 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ อำเภอปลวกแดง จังหวัด ระยอง ดำเนินการโดยบริษัท กัลฟ์ พีดี จำกัด อายุสัญญาประมาณ4 ปี ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 – เดือนตุลาคม 2567 ซึ่งทั้ง 2 บริษัท เป็นบริษัทย่อยของกัลฟ์
“การที่กัลฟ์เลือกกฟผ.เข้ามาเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าไอพีพี ทั้ง 2 แห่ง เนื่องจากกฟผ.มีหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงอย่างฝ่ายก่อสร้างโรงไฟฟ้า และบุคลากรที่มีคุณภาพ การที่ได้ร่วมงานกับกฟผ.ทำให้มั่นใจได้ว่างานก่อสร้างจะแล้วเสร็จตามกำหนด และได้โรงไฟฟ้ามีคุณภาพ ผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายที่กัลฟ์วางไว้” นางพรทิพา กล่าว
ด้าน นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ขอขอบคุณกัลฟ์ที่ได้มอบความไว้วางใจให้กฟผ.มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการ เพื่อประโยชน์และความมั่นคงของระบบผลิตไฟฟ้าของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกซึ่งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เติบโตเพิ่มขึ้น จากนโยบายของภาครัฐตามแผนยุทธศาสตร์ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อยกระดับประเทศให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผ่านโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กฟผ.หวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมพัฒนาโครงการอื่นๆกับกัลฟ์อีกในอนาคต