กองทุนน้ำมันฯ ลดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลลง 40 สตางค์ และเบนซินลง 30 สตางค์ต่อลิตร ป้องกันราคาหน้าปั๊มขยับพุ่งแรง

125
- Advertisment-

คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) สั่งกองทุนน้ำมันฯ ลดเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลลง  40 สตางค์ต่อลิตร และกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ลดลง 30 สตางค์ต่อลิตร หลังราคาน้ำมันโลกขยับขึ้น ป้องกันการปรับขึ้นราคาหน้าปั๊มสูงเกินไป โดยผู้ใช้ดีเซลยังคงถูกเรียกเก็บในอัตราสูง 3.19 บาทต่อลิตร เช่นเดียวกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ยังเก็บอยู่ 4.60 บาทต่อลิตร ในขณะที่เงินกองทุนฯ ติดลบอยู่ 1.03 แสนล้านบาท

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2567 คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติปรับลดการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง ทั้งกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ และกลุ่มดีเซล โดยกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ปรับลดลง 30 สตางค์ต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลปรับลดลง 40 สตางค์ต่อลิตร

ทั้งนี้ส่งผลให้ผู้ใช้น้ำมันต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ เปลี่ยนแปลงไปดังนี้ ดีเซลและดีเซล B20 ส่งเข้ากองทุนฯ 3.19 บาทต่อลิตร, ดีเซล เกรดพรีเมี่ยม ส่งเข้า 4.69 บาทต่อลิตร (ปัจจุบันยอดการใช้น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 68.06 ล้านลิตรต่อวัน)

- Advertisment -

ส่วนกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ ดังนี้ ผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ส่งเข้า 4.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งเข้า 2.61 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งเข้า 1.16 บาทต่อลิตร และเบนซินออกเทน 95 ส่งเข้า 10.68 บาทต่อลิตร (ปัจจุบันยอดการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ 31.55 ล้านลิตรต่อวัน)

สำหรับการลดเก็บเงินเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ ดังกล่าวเนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น และเพื่อไม่ให้กระทบการปรับขึ้นราคามากเกินไป ทาง กบน.จึงต้องปรับลดการเรียกเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯ ดังกล่าว

อย่างไรก็ตามการปรับลดการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯ ในครั้งนี้ส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าบัญชีน้ำมันรวม 324 ล้านบาทต่อวัน ส่วนบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) มีเงินไหลเข้า 4.24 ล้านบาทต่อวัน รวมเงินไหลเข้าประมาณ 328.24 ล้านบาทต่อวัน และปัจจุบันกองทุนฯ ไม่มีการชดเชยราคาน้ำมันทุกชนิดแล้วนับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา

แต่โดยภาพรวมกองทุนน้ำมันฯ ยังคงอยู่ในสถานะเงินติดลบกว่า 1 แสนล้านบาท โดย ณ วันที่ 20 ก.ย. 2567 สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานว่าสถานะเงินกองทุนฯ ติดลบรวม -103,347 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม -55,892 ล้านบาท และมาจากบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -47,455 ล้านบาท

ขณะที่สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุด ณ วันที่ 23 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 73.97 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น  0.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 71.53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 74.95 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.46 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ส่วนค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 23 ก.ย. 2567 พบว่าค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาดถึง 4.73 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.43 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์91 อยู่ที่ 3.50 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.27 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 1.85 บาทต่อลิตร, น้ำมันดีเซล อยู่ที่ 2.02 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซล B20 อยู่ที่ 0.69 บาทต่อลิตร  ซึ่งโดยเฉลี่ยค่าการตลาดตั้งแต่ 1-23 ก.ย. 2567 อยู่ที่ 2.46 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่ควรได้ที่ 1.50-2 บาทต่อลิตร)

Advertisment