กระทรวงพลังงาน เตรียมประกาศนโยบายส่งเสริมการใช้เอทานอลในอีก 2 เดือนข้างหน้า ระบุเน้นใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์E85และน้ำมันแก๊สโซฮอล์E20 หวังช่วยดึงราคาอ้อยประเทศขึ้น พร้อมยืนยันการเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไม่กระทบการเจรจาแก้ปัญหาค่ารื้อถอนแท่นปิโตรเลียมเอราวัณ-บงกช ด้านคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา ย้ำจะตรวจสอบการทำงานกระทรวงพลังงานทุก 3 เดือน แบบไม่แจ้งล่วงหน้า
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังพล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา พร้อมคณะ เข้าหารือกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และข้าราชการระดับสูงกระทรวงพลังงานว่า คณะกรรมาธิการพลังงานได้สอบถามความคืบหน้าแผนการเจรจาพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชา รวมถึงนโยบายและการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานต่างๆ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน การรื้อถอนแท่นแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณและบงกช และการส่งเสริมการใช้น้ำมันปาล์ม โดยกรรมาธิการพลังงานจะติดตามการทำงานของกระทรวงพลังงานทุก 3 เดือน โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ซึ่งกระทรวงพลังงานพร้อมให้ตรวจสอบเนื่องจากมั่นใจว่ามีการทำงานที่โปร่งใส
ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานระบุว่า กระทรวงพลังงานมีแนวคิดจะแก้ปัญหาราคาอ้อยตกต่ำ โดยใช้มาตการส่งเสริมให้นำเอทานอลมาผลิตเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์มากขึ้น โดยคาดว่าจะมีแนวทางที่ชัดเจนในอีก 2 เดือนข้างหน้า ส่วนการพัฒนาพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชานั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงานให้ความสนใจที่จะเจรจากับกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง หากเจรจาสำเร็จโดยเร็วจะส่งผลดีต่อไทยและกัมพูชาอย่างมาก
นายวัชระ กล่าวว่า สำหรับปัญหาค่ารื้อถอนแท่นปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณและบงกชนั้น มั่นใจว่าทีมงานกระทรวงพลังงานจะสามารถเจรจากับกลุ่มผู้รับสัมปทานรายเดิมเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่าถึงแม้จะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ มาเป็นอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แทนนางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ ก็จะไม่เกิดปัญหาหรือผลกระทบต่อการเจรจาแก้ปัญหาค่ารื้อถอนแท่นปิโตรเลียม เพราะเชื่อว่าบุคลากรระดับผู้บริหารกระทรวงพลังงานมีความเชี่ยวชาญทุกคน
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังมีนโยบายให้ไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายไฟฟ้าของอาเซียน โดยจะปรับเปลี่ยนบทบาทการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ให้สามารถเป็นได้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายไฟฟ้าในอาเซียนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลาง(ฮับ)การซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ต่อไป ถึงแม้ว่าประเทศฟิลิปปินส์ และเวียดนามจะประกาศพร้อมเป็นฮับ LNG เช่นเดียวกับไทย แต่มั่นใจว่าไทยมีศักยภาพและมีความพร้อมสูงสุดที่จะทำได้เหมือนกัน
นายอนุรุทธิ์ นาคาศัย เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในอีก 2 เดือนข้างหน้ากระทรวงพลังงานจะเริ่มนโยบายเกี่ยวกับการลดประเภทการจำหน่ายน้ำมันของกลุ่มน้ำมันเบนซินลง โดยจะเน้นให้เหลือเพียงน้ำมันแก๊สโซฮอล์E85 (น้ำมันเบนซินที่ผสมเอทานอล 85%ในทุกลิตร) และน้ำมันแก๊สโซฮอล์E20(น้ำมันเบนซินที่ผสมเอทานอล 20%ในทุกลิตร) เนื่องจากจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้เอทานอลได้มากขึ้นและมีส่วนช่วยให้ราคาอ้อยสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบันชนิดน้ำมันกลุ่มเบนซินมีจำหน่ายมากเกินไป โดยมีถึง 5 ชนิด ได้แก่ น้ำมันเบนซิน,แก๊สโซฮอล์E85,แก๊สโซฮอล์95,แก๊สโซฮอล์91 ,และแก๊สโซฮอล์E20 โดยจะต้องปรับลดลงให้เกิดความเหมาะสมต่อไป