บอร์ดกฟผ.อนุมัติ 30 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลศูนย์หลัก 7 แห่งประกอบด้วย จุฬาลงกรณ์ ศิริราช รามาธิบดี ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ราชวิถี พระมงกุฎเกล้าบำราศนราดูร และ โรงพยาบาลในต่างจังหวัด รอบ เขื่อน โรงไฟฟ้า ของกฟผ. ทั่วประเทศ ในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างคล่องตัวและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในการรักษาผู้ป่วย COVID-19 โดยมีพิธีส่งมอบเงินสนับสนุนไปแล้วเมื่อวันที่ 26 – 27 มีนาคม 2563
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยเมื่อวันที่27 มีนาคม 2563 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กฟผ. (บอร์ด กฟผ.) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมาได้อนุมัติวงเงิน จำนวน 30 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือโรงพยาบาล สังคม และชุมชน โดยเงินจำนวน 15 ล้านบาท ได้มอบให้แก่โรงพยาบาลที่เป็นศูนย์หลักในการรักษาผู้ป่วย COVID-19 จำนวน 7 แห่ง สำหรับสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างคล่องตัวและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ครบครัน ไปเมื่อวันที่ 26 – 27 มีนาคม 2563 ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แห่งละ 2 ล้านบาท และสถาบันบำราศนราดูร จำนวน 3 ล้านบาท และสำหรับเงินอีก 15 ล้านบาท สำหรับให้ความช่วยเหลือโรงพยาบาลในต่างจังหวัด สังคม ชุมชน รอบเขต เขื่อน โรงไฟฟ้า กฟผ. ทั่วประเทศ ตามความต้องการของพื้นที่ อาทิ อุปกรณ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย เจลอนามัย เป็นต้น
ทางด้านศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลศูนย์ฯ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก กฟผ. กล่าวขอบคุณ กฟผ. และทุกหน่วยงานที่มาร่วมแสดงน้ำใจ ด้วยตอนนี้ทุกอย่างมีค่าหมด เพราะไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์จะยาวนานแค่ไหน และฝากขอให้ทุกคนตระหนักถึงระยะห่างที่เราควรมีต่อกัน “สิ่งที่จะหยุดการระบาดของโรคได้ดีที่สุด คือการเก็บตัวอยู่ในที่พักอาศัย และการรักษาระยะห่างระหว่างกันโรคติดต่อจะไม่ติดต่อ ถ้าเราไม่ติดต่อกัน”
นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้มอบเจลอนามัย “น้ำใจ” กฟผ. ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ โดย กฟผ. ผลิตขึ้นเอง รวมทั้งหน้ากากอนามัย ซึ่งได้มอบให้แก่ชุมชนโดยรอบ กฟผ. และประชาชนกลุ่มเสี่ยง อาทิ ตำรวจ พนักงานขับรถขนส่งสาธารณะ มูลนิธิเด็กและเยาวชน รวมถึงมอบคอมพิวเตอร์ให้แก่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมสนับสนุนการสื่อสารให้ประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารสถานการณ์
การแพร่ระบาด COVID-19 อย่างถูกต้องอีกด้วย