กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยิ้มออกเงินไหลเข้าบัญชีวันละ 279 ล้านบาท หรือ 8,379 ล้านบาทต่อเดือน หลังราคาน้ำมันโลกลดลง จนคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) มีมติหยุดชดเชยราคาน้ำมันทุกชนิดมาตั้งแต่ 23 พ.ย. 2565 และเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดเข้ากองทุนฯ โดยผู้ใช้ดีเซลถูกเรียกเก็บเงิน 2.79 บาทต่อลิตร ขณะเงินกู้เข้ากองทุนฯแล้ว 1 หมื่นล้านบาท เตรียมกู้ต่อให้ครบตามแผน 3 หมื่นล้านบาทในปี 2565 นี้
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้กลับมาเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันฯอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้จ่ายเงินชดเชยราคาดีเซลเพื่อพยุงราคาขายปลีกให้อยู่ในระดับ 34.94 บาทต่อลิตร มาเป็นเวลานาน พร้อมกันนี้ได้หยุดชดเชยราคาน้ำมันทุกชนิดตั้งแต่ 23 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันโลกเริ่มลดลง ส่งผลดีให้กองทุนน้ำมันฯมีเงินไหลเข้ามากขึ้นเป็น 8,379 ล้านบาทต่อเดือน หรือวันละ 279.29 ล้านบาท
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2565 คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ได้มีมติให้เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนฯ ในอัตราที่มากขึ้นเป็น 2.79 บาทต่อลิตร ซึ่งนับเป็นการเรียกเก็บสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติราคาน้ำมันตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้การเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ ในครั้งนี้ กบน. ได้เริ่มเรียกเก็บมาต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. 2565 ที่เรียกเก็บ 1.13 บาทต่อลิตร ,24 พ.ย. 2565 เรียกเก็บ 1.20 บาทต่อลิตร, 25 พ.ย. 2565 เรียกเก็บ 1.99 บาทต่อลิตร และ 28 พ.ย. 2565 เรียกเก็บ 2.79 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าถึง 279.29 ล้านบาทต่อวัน หรือ 8,379 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ยังมีเงินไหลออก เพื่อชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) อีกประมาณ 94.39 ล้านบาทต่อวัน หรือ 2,832 ล้านบาทต่อเดือน โดยสถานะล่าสุดกองทุนน้ำมันฯ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2565 กองทุนฯ ยังคงติดลบ 132,621 ล้านบาท ซึ่งมาจากการนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมัน 88,788 ล้านบาท และชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) อีก 43,883 ล้านบาท
ขณะที่ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมัน ณ วันที่ 29 พ.ย. 2565 ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ระบุว่าค่าการตลาดผู้ค้าดีเซลอยู่ที่ 1.99 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดกลุ่มเบนซินอยู่ระดับสูงถึง 3.6-4 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดเฉลี่ยระหว่าง 1-29 พ.ย. 2565 อยู่ที่ 2.30 บาทต่อลิตร ซึ่งถือว่ายังสูงกว่าที่ภาครัฐขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันตรึงค่าการตลาดไว้ไม่ให้เกิน 1.40 บาทต่อลิตร
และเมื่อมาดูสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ณ วันที่ 29 พ.ย. 2565 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 85.79 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.09 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 78.68 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.44 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 85.06 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.87 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ส่วนการกู้เงินจากสถาบันการเงินนั้น ปัจจุบันกองทุนฯ ได้รับเงินกู้รวม 10,000 ล้านบาทแล้ว จากแผนการกู้เงินรวม 30,000 ล้านบาทในปี 2565 สำหรับกรอบวงเงินที่เหลือให้กู้ได้อีก 1.2 แสนล้านบาทนั้น กองทุนฯมีแผนจะเสนอ กบน. กู้ในปี 2566 ต่อไป