ผู้ใช้น้ำมันสะเทือน กบน. เรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเพิ่ม เสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ติดลบน้อยลง เหลือ 1.08 แสนล้านบาท

327
- Advertisment-

ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มอีก 50 สตางค์ต่อลิตร เป็น 1.76 บาทต่อลิตร ส่วนผู้ใช้ดีเซลเกรดพรีเมียมทำสถิติจ่ายสูงสุด 3.26 บาทต่อลิตร ส่วนผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 โดนเรียกเก็บสูงถึง 4.10 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับลดลง และ กองทุนฯ เร่งเสริมสภาพคล่องเตรียมใช้หนี้เงินต้นก้อนแรก พ.ย. 2567 ขณะผู้ค้าน้ำมันเก็บค่าการตลาดผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดเฉลี่ย 2.55 บาทต่อลิตร โดยผู้ใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ถูกเก็บสูงสุด 3.93 บาทต่อลิตร ด้านสถานะกองทุนฯ ล่าสุดติดลบเหลือ -108,559 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2567 ได้มีมติเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติมอีก 50 สตางค์ต่อลิตร โดยผู้ใช้ดีเซลธรรมดา และดีเซล B20 ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ 1.76 บาทต่อลิตร ขณะที่ผู้ใช้ดีเซลเกรดพรีเมียม ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ ถึง 3.26 บาทต่อลิตร ซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่เรียกเก็บเงินมา  

สำหรับผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงเรียกเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯ ตามอัตราเดิมดังนี้ น้ำมันเบนซินออกเทน 95 จ่ายเข้ากองทุนฯ 10.68 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 จ่ายเข้ากองทุนฯ 4.10 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จ่ายเข้ากองทุนฯ 2.11 บาทต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จ่ายเข้ากองทุนฯ 1.46 บาทต่อลิตร

- Advertisment -

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่ากองทุนฯ ยังคงเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ในระดับสูง ซึ่งที่ผ่านมากองทุนฯ เคยเรียกเก็บสูงสุดถึง 4.20 บาทต่อลิตร เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา จากนั้นได้ปรับลดลงเหลือ 3.70 บาทต่อลิตร เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2567 และกลับมาปรับสูงขึ้นอีกในครั้งนี้ที่ 4.10 บาทต่อลิตร  

การเรียกเก็บเงินดังกล่าวส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้ารวม 252.64 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งมาจากรายรับของกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์รวม 126.36 ล้านบาทต่อวัน และรายรับจากดีเซล 115.21 ล้านบาทต่อวัน รวมทั้งรายรับจากก๊าซหุงต้ม (LPG) อีก 10.75 ล้านบาทต่อวัน และน้ำมันเตา 10 ล้านบาทต่อวัน

ส่งผลให้สถานะกองทุนน้ำมันฯ ติดลบน้อยลง จากเดือน ก.ค. 2567 ที่กองทุนฯ ติดลบถึง 111,663 ล้านบาท ล่าสุดสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานฐานะเงินกองทุนฯ สุทธิติดลบรวม 108,559 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม -61,003 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบรวม -47,556 ล้านบาท

โดยสาเหตุที่ กบน. ต้องเร่งเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทุกคนส่งเข้ากองทุนฯ เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง ประกอบกับต้องการลดภาระเงินกองทุนฯ ให้ติดลบน้อยลง และมีเงินไหลเข้ามามากขึ้น เพื่อเก็บเงินไว้ทยอยจ่ายคืนหนี้เงินต้นให้สถาบันการเงินที่ไปกู้ยืมมารวมทั้งสิ้น 105,333  ล้านบาท โดยจะต้องเริ่มจ่ายคืนหนี้ครั้งแรกในเดือน พ.ย. 2567 นี้

อย่างไรก็ตามนอกจากผู้ใช้น้ำมันจะถูกเรียกเก็บเงินเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ ตามอัตราดังกล่าวแล้ว ทางผู้ค้าน้ำมันยังได้เรียกเก็บค่าการตลาดน้ำมันในอัตราสูงเช่นกัน โดยล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้รายงานค่าการตลาดน้ำมัน ณ วันที่ 30 ส.ค. 2567 ดังนี้

ค่าการตลาดน้ำมันเบนซินออกเทน 95 เก็บค่าการตลาด 4.53 บาทต่อลิตร,  น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เก็บอยู่ 3.86 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เก็บอยู่ 3.93 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เก็บอยู่ 3.78 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เก็บอยู่ 1.91 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลธรรมดา เก็บอยู่ 2.23 บาทต่อลิตร, น้ำมันดีเซล B20 เก็บอยู่ 1.13 บาทต่อลิตร โดยตั้งแต่วันที่ 1-30 ส.ค. 2567 ผู้ค้าน้ำมันเรียกเก็บค่าการตลาดเฉลี่ย 2.55 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่ควรได้ 1.50-2 บาทต่อลิตร) 

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุด ณ วันที่ 30 ส.ค. 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 77.53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.08 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 76.47 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.56 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 80.60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.66 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

Advertisment