กบง.หั่นโรงไฟฟ้าชุมชนจาก 1,900 เหลือแค่ 700 MW ไฟฟ้าขยะอุตฯ ส้มหล่น ซื้อเพิ่มอีก 200 MW

1580
N2032
- Advertisment-

กบง.อนุมัติการปรับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ AEDP2018 และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP2018 Rev 1 ให้สอดคล้องกันในช่วงปี 2564-2573 หรือ 10 ปีแรกของแผนไปแบบเงียบๆตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พ.ย.64 ที่ผ่านมาโดยไม่ได้มีการเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหรือออกPress Release​ เหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติมาก่อนหน้านี้ โดยสาระสำคัญของแผนที่มีการปรับปรุงคือการลดสัดส่วนไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษกิจฐานรากลงกว่า 1,200 เมกะวัตต์จาก 1,900 เมกะวัตต์ เหลือแค่ 700 เมกะวัตต์ และเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม และพลังน้ำจาก สปป.ลาวเข้ามาแทน พร้อมเร่งรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์ม โซลาร์บนทุ่นลอยน้ำ และ พลังงานลมให้เร็วขึ้น

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ทั้งแผนAEDP2018และPDP2018ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่ในรายละเอียดของโครงการช่วงระหว่างปี 2564 -​2573 ซึ่งเป็นช่วง 10 ปีแรกของแผนและคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)​ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์​มี​เชาว์​ รองนายกรัฐมนตรีและ​รัฐมนตรี​ว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อการประชุมวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมานั้นเป็นการปรับลดสัดส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจ​ฐานรากลงจากเดิมที่บรรจุไว้ให้แผน 1,933 เมกะวัตต์ ลงเหลือประมาณไม่ถึง 700 เมกะวัตต์ หรือลดลงไปประมาณ 1,200 เมกะวัตต์ ทั้งนี้เนื่องจากกระทรวงพลังงานได้ทำหนังสือสอบถามไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์​แล้ว และได้รับคำยืนยันว่าไม่มีพื้นที่ที่จะรองรับการเพาะปลูกพืชพลังงานสำหรับเป็นเชื้อเพลิงป้อนโรงไฟฟ้าชุมชนได้ ทั้ง 1,900 เมกะวัตต์ตามแผน ดังนั้นจึงต้องมีการปรับลดสัดส่วนปริมาณรับซื้อไฟฟ้าลงให้สอดคล้องกับพื้นที่ที่มีความพร้อม

โดยปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนมีการออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าไปแล้ว 150 เมกะวัตต์ ดังนั้น จึงจะมีการรับซื้อเพิ่มเติมได้อีกประมาณ 500 เมกะวัตต์ ซึ่งนับรวมกับโครงการโรงไฟฟ้าขยายผล (โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนแบบQuick Win เดิม)​และโรงไฟฟ้าชีวมวลประชารัฐ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

- Advertisment -

สำหรับโครงการที่จะรับซื้อไฟฟ้าเพื่อเข้ามาทดแทนสัดส่วนของโรงไฟฟ้าชุมชนที่หายไปนั้น จะมีการเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม อีก 200 เมกะวัตต์ซึ่งจะจ่ายไฟเข้าระบบในปี 2567และ 2568 ปีละ 100 เมกะวัตต์ และการเพิ่มสัดส่วนปริมาณรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาวเพิ่มขึ้น ซึ่งการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบขยายกรอบปริมาณรับซื้อไฟฟ้าภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและ สปป. ลาว เรื่องความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้า จาก 9,000 เมกะวัตต์ เป็น 10,500 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นอีก 1,500 เมกะวัตต์ไปแล้ว

นอกจากนี้ในการปรับแผนPDP2018 Rev 1 ช่วง 10 ปีแรก ยังจะมีการเร่งรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนพื้นดินหรือโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำ รวมทั้งไฟฟ้าจากพลังงานลมให้เร็วขึ้น จากเดิมที่จะต้องรับซื้อในช่วงหลังปี 2573 เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy News Center-ENC ) รายงานว่า ที่ผ่านมาการประชุม กบง.เกือบแทบทุกครั้งจะมีการแถลงข่าวถึงมติที่ประชุม หรือมีการออกเป็นเอกสารข่าวเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ แต่เป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่า ในการประชุม กบง.เมื่อวันที่ 1 พ.ย.64 ที่ผ่านมาซึ่งมีการพิจารณาเรื่องสำคัญหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องการปรับแผนPDP2018 Rev1 ช่วง 10 ปีแรกที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในกิจการไฟฟ้าของภาคเอกชน แต่กระทรวงพลังงานไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

Advertisment