คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) สั่งขึ้นราคา LPG 1 บาทต่อกิโลกรัม ต่ออีก 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย. 2565) ส่งผลราคา LPG สูงสุดเดือน ก.ย. แตะ 408 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ชี้ราคา LPG แท้จริงอยู่ที่ 460 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ส่วนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยยังช่วยต่อเนื่อง 3 เดือน รายละ 100 บาทต่อ 3 เดือนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้งบกลางรัฐบาลอีก 220 ล้านบาท พร้อมขอความร่วมมือ ปตท. คงราคา NGV ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม ระหว่าง 16 มิ.ย. – 15 ก.ย. 2565 พร้อมกำหนดให้ขาย B5 ต่ออีก 3 เดือน และขอความร่วมมือผู้ค้าดีเซลกำหนดค่าการตลาดไม่ให้เกิน 1.40 บาทต่อลิตร เตรียมใช้กลไกกองทุนน้ำมันเข้าควบคุม
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุม กบง. มีมติขยายเวลาขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) ต่อไปอีก 3 เดือน ระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย. 2565 นี้ โดยปรับขึ้น 1 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 15 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ซึ่งจะส่งผลให้เดือน ก.ค. 2565 นี้ราคา LPG ปรับขึ้นจาก 363 บาท เป็น 378 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม, เดือน ส.ค. ราคาขยับเป็น 393 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม และเดือน ก.ย. ราคาขยับเป็น 408 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม และหลังจากนั้น กบง.จะหารือถึงมาตรการราคากันอีกครั้ง
ทั้งนี้การขึ้นราคาดังกล่าวเนื่องจากราคา LPG โลกยังทรงตัวระดับสูงที่ 750 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน แม้ที่ผ่านมา กบง.จะให้ขึ้นราคาเดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัม มาตั้งแต่เดือน เม.ย. 2565 ก็ตาม แต่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ก็ยังคงต้องนำเงินไปอุดหนุนราคาอย่างต่อเนื่อง เพราะราคา LPG ที่แท้จริงปัจจุบันอยู่ที่ 460 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม แต่ปัจจุบันยังจำหน่ายเพียง 363 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ซึ่งเท่ากับกองทุนฯ ต้องอุดหนุนราคาอยู่ประมาณ 100 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม และที่ผ่านมากองทุนฯ ใช้เงินอุดหนุนราคาไปมากถึง 3 หมื่นล้านบาทแล้ว การขึ้นราคา LPG ดังกล่าว จะช่วยให้กองทุนฯ ลดเงินอุดหนุนราคา LPG ได้เดือนละ 200 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทาง กบง. ได้มีมติให้ช่วยเหลือด้านราคา LPG ต่ออีก 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย. 2565) โดยช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละ 100 บาทต่อ 3 เดือน โดยจะของบกลางจากภาครัฐมาดำเนินการ 220 ล้านบาท สำหรับผู้มีสิทธิ์ทั้งสิ้นประมาณ 4 ล้านราย
นอกจากนี้ กบง. ยังมีมติให้ขยายระยะเวลาการจำหน่ายน้ำมันดีเซล เป็นเกรดเดียวคือ B5 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 5% ในทุกลิตร) ต่อไปอีก 3 เดือน ( 1 ก.ค.-30 ก.ย. 2565 ) เนื่องจากมาตรการกำหนดสัดส่วนน้ำมันดีเซลทุกชนิดเป็น B5 จะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 2565 นี้แล้ว ประกอบกับปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มในตลาดเริ่มลดลง ดังนั้นเพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรจึงให้คงจำหน่าย ดีเซลB5 ต่อไปอีก 3 เดือน โดยให้กรมธุรกิจพลังงาน ออกประกาศให้สอดคล้องกับมติดังกล่าวต่อไป
พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันดีเซลตรึงค่าการตลาดไม่ให้เกิน 1.40 บาทต่อลิตรต่อไปก่อน โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขา กบง. ประสานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการบริหารจัดการเพื่อไม่ให้ค่าการตลาดผู้ค้าดีเซลเกิน 1.40 บาทต่อลิตร
ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) นั้น ที่ประชุม กบง. ยังได้เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาก๊าซ NGV ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยให้กระทรวงพลังงานขอความอนุเคราะห์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และคงราคาขายปลีกก๊าซ NGV โครงการเอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน ให้กับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.- 15 ก.ย. 2565
นายกุลิศ กล่าวถึงกรณีการขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงกลั่นลดค่าการกลั่นน้ำมันลงว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปและชี้แจงกับประชาชนอีกครั้งในเร็วๆนี้ โดยหากได้เงินจากการลดค่าการกลั่น ก็จะนำมาช่วยเหลือทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซล ส่วนจะเอามาลดราคาให้ประชาชนทันทีหรือนำเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ นั้น คงต้องพิจารณากันอีกครั้ง แต่ยืนยันว่ามาตรการที่จะออกมาจะเป็นเพียงมาตรการระยะสั้นก่อนเท่านั้น โดยค่าการกลั่นเฉลี่ยปี 2565 ระหว่างเดือน ม.ค.- พ.ค. 2565 อยู่ที่ 3.27 บาทต่อลิตร