ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย วันนี้ (6พ.ย.2561) ประเมินว่า ภาพเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 จะเติบโตชะลอลงจากช่วงครึ่งปีแรก จากหลายปัจจัยที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การท่องเที่ยว การเบิกจ่ายของภาครัฐ รวมทั้งผลผลิตภาคเกษตรและอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการหดตัวแรงของการส่งออกในเดือนกันยายน จะเป็นประเด็นระยะสั้น ประกอบกับภาครัฐน่าจะมีการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี น่าจะมีแรงหนุนที่ดีขึ้นได้ ดังนั้น กกร. มองว่า ภาพเศรษฐกิจไทยและการเติบโตของมูลค่าการส่งออกทั้งปี 2561 จึงยังอยู่ในกรอบประมาณการ (GDP ขยายตัว 4.4-4.8% และการส่งออกขยายตัว 8.0-10.0%)
สำหรับการส่งออกของไทยในช่วงปีหน้า มีแนวโน้มเผชิญโจทย์ที่ท้าทายมากขึ้น จากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการเก็บภาษีนำเข้ารอบที่ 3 ผลต่ออุตสาหกรรมไทยจากการบรรลุข้อตกลงการค้าภายใต้กรอบ USMCA ( United States-Mexico-Canada Agreement หรือ NAFTA ใหม่) และการที่ไทยถูกตัดสิทธิ์ GSP จากสหรัฐฯ ใน 11 รายการสินค้าส่งออก ตลอดจนผลกระทบทางอ้อมจากการขยายตัวที่ชะลอลงของการค้าและเศรษฐกิจหลักในโลก ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้เป้าหมายที่จะให้การส่งออกในปี 2562 เติบโตในอัตราสูงใกล้เคียงกับในปี 2561 อาจเป็นไปได้ยากขึ้น
มูลค่าการใช้สิทธิ GSP ของสินค้า 11 รายการ ในปี 2560 มีมูลค่า 46 ล้านเหรียญฯ หรือ 1.11% ของมูลค่าสินค้าไทยใช้สิทธิ GSP ส่งออกไปสหรัฐฯ รวมราว 4,200 ล้านเหรียญฯ (ปี 2560) หรือคิดเป็น 16.0% ของการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ คิดเป็น 11% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย กกร. เห็นว่าการถูกตัดสิทธิ GSP ของสหรัฐฯ ในครั้งนี้น่าจะไม่กระทบต่อการส่งออกของไทย ประกอบกับสินค้าไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน คาดว่าจะส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญที่เป็นคู่แข่งของไทยในตลาดสหรัฐฯ ที่ถูกตัดสิทธิด้วย ซึ่งมีสินค้าสำคัญที่ไทยจะสามารถส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทดแทนสินค้าของคู่แข่งได้
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจภูมิภาค ในเดือนกันยายน จากกระทรวงการคลัง มีการปรับตัวลดลงทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคตะวันออก โดยภาพรวม อยู่ที่ 48.4 จากเดือนสิงหาคม ที่อยู่ที่ 49.8 ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน อีกทั้งยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาราคาสินค้าเกษตร เช่น ยาง ปาล์ม ที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ
ส่วนปัจจัยด้านบวก ได้แก่ การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน อยู่ที่ 1.50% ประกอบกับภาคการส่งออกที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านมีการเติบโตมากขึ้น จากเหตุที่นักท่องเที่ยวจีนลดลง เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว พิษสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง และกำลังซื้อลดลง โดยในเดือนกันยายนมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย จำนวน 6.48 แสนคน (-14.89%) ลดลงจากเดือนสิงหาคม จำนวน 8.67 แสนคน (-11.77%)
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยมีจำนวน 28.54 ล้านคน เติบโต 8.7% (YoY) แม้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยจะติดลบ 8.8 % (YoY) แต่ภาพรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยยังเติบโต 13.3% (YoY) โดยหาก วันนี้ ครม. ประกาศมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้กับ 21 ประเทศ ในช่วงนี้ จะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อีกทางหนึ่ง
และตามที่ภาครัฐจัดทำโครงการ Regulatory Guillotine เพื่อปรับปรุงกฎหมายที่สำคัญนั้น กกร. ขอเสนอให้ภาครัฐจัดลำดับความสำคัญในการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับความต้องการด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ