คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)และ กฟผ. PEA กฟน. เห็นชอบแนวทางปรับลดผลตอบแทนกำไรการไฟฟ้าลง ตามต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง คาดดึงเงินเข้าบัญชีบริหารค่าไฟฟ้าได้ 2,000 ล้านบาท เพื่อเก็บไว้ประคองค่าไฟฟ้าให้ประชาชนต้นปี 2564 ได้ โดยยืนยันไม่กระทบโบนัส หรือสวัสดิการของพนักงาน พร้อมเร่งปรับ “ค่าบริการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติฯ รวมถึงทบทวนค่าบริการขนส่งก๊าซฯทางท่อ” ให้เสร็จปลายปี 2563 นี้
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน( สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มอบหมายให้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ทบทวนผลตอบแทนรายได้ 3 การไฟฟ้าให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจปัจจุบัน ว่า กกพ.ได้หารือกับตัวแทนจาก 3 การไฟฟ้า(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ,การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA และการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน. ) รวมทั้งกระทรวงการคลัง แล้ว ซึ่งทุกฝ่ายเห็นชอบในหลักการร่วมกัน และนำเสนอให้ที่ประชุมบอร์ดกกพ.เห็นชอบแล้วเช่นกัน
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างให้ 3 การไฟฟ้าไปทำความเข้าใจภายในแต่ละองค์กร จากนั้น กกพ.จึงจะทำหนังสือแจ้ง 3 การไฟฟ้าอย่างเป็นทางการภายในปี 2563 นี้ เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไป
เบื้องต้นยืนยันว่า 3 การไฟฟ้ายังคงใช้ระบบอัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินลงทุนเพื่อการดำเนินงาน หรือ Return on Invested Capital (ROIC)ต่อไป
โดยปัจจุบัน 3 การไฟฟ้ามี ROIC อยู่ประมาณกว่า 5% แต่ กกพ. เห็นว่า สถานการณ์ดอกเบี้ยเงินกู้ในปัจจุบันลดต่ำลงมาก จึงขอให้ 3 การไฟฟ้าปรับลดผลตอบแทนกำไรลงตามสถานการณ์ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อรายได้ โบนัส หรือสวัสดิการของพนักงานการไฟฟ้าแต่อย่างใด
โดยการปรับลดผลตอบแทนกำไรดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ 3 การไฟฟ้าคืนเงินให้กับประชาชนได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่ง กกพ.จะนำมาเก็บไว้ในบัญชีเงินบริหารค่าไฟฟ้า หากเชื้อเพลิงค่าไฟฟ้าสูงขึ้น ทาง กกพ.จะนำเงินมาช่วยลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ลดค่าไฟฟ้าได้ในงวด ม.ค.-เม.ย. 2564
นายคมกฤช ยังกล่าวถึงกรณีที่ กบง.มอบหมายให้ กกพ.ไปดำเนินการพิจารณาอัตราค่าบริการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติฯและทบทวนค่าบริการขนส่งก๊าซฯทางท่อให้เหมาะสมว่า กกพ.อยู่ระหว่างพิจารณาอัตราค่าบริการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ โดยกำลังหารือกับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เนื่องจากสถานการณ์การใช้ก๊าซฯของประเทศปรับลดลงมาก ประกอบกับในอนาคตจะมีผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาเป็นผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซฯ(Shipper) จึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่คาดว่าจะดำเนินการทบทวนค่าบริการจัดหาและค้าส่งก๊าซฯได้เสร็จภายในปี 2563 นี้ และจะมีผลใช้ต่อเนื่องไปอีก 5 ปีจึงจะพิจารณาปรับเปลี่ยนอีกครั้ง
ส่วนการปรับอัตราค่าบริการท่อก๊าซฯ นั้น กกพ.อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเปลี่ยนให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น จากปัจจุบันค่าบริการท่อฯอยู่ที่ประมาณ 24 บาทต่อล้านบีทียู โดยคาดว่าจะประกาศอัตราใหม่ได้ภายในปี 2563 เช่นกัน ทั้งนี้หากมีการลงทุนท่อเส้นใหม่ จะส่งผลให้ค่าบริการท่อฯสูงขึ้น อีกทั้งปัจจุบันการใช้ก๊าซฯน้อยลง ยิ่งทำให้ราคาค่าบริการท่อฯ ปรับลดได้ยาก แต่ กกพ.อาจใช้วิธีให้เฉลี่ยราคา โดยปกติค่าผ่านท่อฯจะปรับทุกๆ 5 ปี ดังนั้นในช่วงปีแรกๆจะให้คิดค่าบริการท่อฯ ในอัตราที่ไม่สูงมาก และค่อยปรับขึ้นในช่วงปลายรอบการคิดค่าบริการท่อฯ ซึ่งจังหวะนั้นปัญหาโควิด-19 อาจคลี่คลายและประชาชนหันมาใช้ก๊าซฯมากขึ้นก็ได้