คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อนุมัติ บริษัท กัลฟ์ แอลเอ็นจี จำกัด (Gulf LNG) นำเข้า LNG เพิ่ม อีก 5.54 ล้านตันต่อปี เพื่อใช้กับโรงไฟฟ้า IPP ที่ไม่มีสัญญาซื้อขายก๊าซฯ กับ ปตท.มาก่อน ทำให้ Gulf LNG มีสิทธิในการจัดหาและนำเข้า LNG ในปริมาณรวมทั้งสิ้น 6.37 ล้านตันต่อปี
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)และในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ.ได้ออกใบอนุญาตให้ บริษัท กัลฟ์ แอลเอ็นจี จำกัด (Gulf LNG) จัดหาและนำเข้า LNG เพิ่มเติมอีก 5.54 ล้านตัน จากเดิมเคยขอไว้ 3 แสนตันต่อปี
เพื่อใช้สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าของเอกชนผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ ( IPP) บางแห่งที่ยังไม่มีสัญญาซื้อขายก๊าซฯ กับทางบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ซึ่ง GULF แจ้งความประสงค์ในการนำเข้า LNG เพิ่ม และจะไม่กระทบต่อการเกิดภาระ Take or Pay ที่ ปตท.มีสัญญาเดิมกับคู่ค้า
ด้านนางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2565 ว่า บริษัทฯ ได้รับอนุมัติเพิ่มปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ของบริษัท กัลฟ์ แอลเอ็นจี จำกัด (Gulf LNG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่เคยได้รับอนุมัติจาก กกพ.ให้เป็นผู้จัดหาและนำเข้าก๊าซ LNG ปริมาณ 0.30 ล้านตันต่อปี เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้า อุตสาหกรรมของโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก( SPP) จำนวน 19 โครงการของกลุ่มบริษัทฯ
และต่อมา Gulf LNG ได้รับอนุมัติจาก กกพ. ให้จัดหาและนำเข้าก๊าซฯ เพิ่มขึ้นอีก 0.53 ล้านตันต่อปี เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มของบริษัท ปตท. จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (PTT NGD)
ล่าสุด Gulf LNG ได้ขอรับใบอนุญาตนำเข้าก๊าซธรรมชาติจาก กกพ. เพิ่มขึ้นอีก 5.54 ล้านตัน เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่( IPP) ของกลุ่มบริษัทฯ เอง โดย กกพ. ได้อนุมัติให้Gulf LNG นำเข้า LNG ในปริมาณดังกล่าวได้ ส่งผลให้ ในปัจจุบัน Gulf LNG มีสิทธิในการจัดหาและนำเข้า LNG ในปริมาณรวมทั้งสิ้น 6.37 ล้านตันต่อปี
ทั้งนี้เชื่อว่าการที่บริษัทฯ ได้เป็นผู้นำเข้าก๊าซฯจะเป็นการตอบสนองนโยบายการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของประเทศ และจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ที่มีความต้องการใช้ก๊าซ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมของประเทศโดยรวม
นอกจากนี้ในอนาคต บริษัทฯ ยังสามารถนำLNG ของกลุ่มมาใช้บริการกับท่าเทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Terminal)ของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ซึ่งเป็นโครงการของบริษัทฯ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) อีกด้วย