ประเทศไทยพร้อมเปิดบ้านต้อนรับนานาชาติ โชว์ศักยภาพการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างยั่งยืน ในงานสัปดาห์แห่งความยั่งยืน SustainAsia Week 2024 ภายใต้แนวคิด “Low Carbon & Sustainable ASEAN Economy” ระหว่างวันที่ 15-17 สิงหาคม 2567 จัดเต็มการแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีด้านพลังงานและการขนส่งยุคใหม่สุดล้ำ และการประชุมสัมมนาวิชาการ เกาะติดเทรนด์สุดฮอตของโลก ไฮไลท์สําคัญ การประชุม “Asia CCUS Network Forum” ครั้งที่ 4 ผลักดันเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศในภูมิภาค พร้อมเปิดเวที “โครงการขับเคลื่อน มองไกล เพื่อชุมชนที่ยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีพลังงานสะอาด” หนุนท้องถิ่นมีส่วนร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ
โดยรัฐบาลไทยนําโดยนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ให้ความสําคัญกับการส่งเสริมความมั่นคงและยั่งยืนทาง พลังงาน มุ่งมั่นผลักดันประเทศเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด ตามข้อตกลงการประชุมระดับผู้นําของรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (COP28) เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2065
ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล ประธานการจัดงาน SustainAsia Week 2024 และ Sustainable Energy Technology Asia 2024 หรือ SETA 2024 กล่าวว่า การจัดงาน SustainAsia Week 2024 เป็นโอกาสที่ไทยและนานาชาติจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูลความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาดและไฟฟ้าสีเขียวเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ลดมลพิษ และสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานและเศรษฐกิจ โดยมี บริษัท แกท อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงพลังงาน สํานักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรุงเทพมหานคร และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้จัดเตรียมงานมหกรรมด้านพลังงานครั้งยิ่งใหญ่นี้
“SustainAsia Week 2024 เป็นเวทีสําคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด และนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในยุคที่อุตสาหกรรมพลังงานกําลังเผชิญกับความท้าทายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิต และผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ทั้งนี้ หลังปี ค.ศ. 2040 เทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ (CCS) และเทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอน การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ (CCUS) จะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่เป้าหมายดังกล่าว” ศ.ดร.พิสุทธิ์ เผย
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจอาเซียนและเอเชียตะวันออก (Economic Research Institute for ASEAN and East Asia : ERIA) ระบุว่าชาติสมาชิกอาเซียนมีการใช้เทคโนโลยี CCS 85% ในโรงไฟฟ้าถ่านหิน และ 91% ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ไปจนถึงปี ค.ศ.2050 ดังนั้น การใช้เทคโนโลยี CCS จึงจำเป็นสำหรับประเทศที่ต้องการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ปัจจุบัน มีการดำเนินโครงการ CCS หลายโครงการในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เช่น อินโดนีเซียและมาเลเซีย ทั้งนี้ โครงการสาธิตเทคโนโลยี CCS ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียจึงเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เรียนรู้ทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและโอกาสทางธุรกิจด้วย ซึ่งคาดการณ์ว่า โครงการสาธิตเทคโนโลยี CCS จะค่อยๆ เปลี่ยนผ่านสู่โครงการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปี ค.ศ. 2025 – 2030
โดยงาน SETA 2024 มีการจัดงานพร้อมกัน 6 งาน ภายใต้แนวคิดหลัก Low Carbon & Sustainable ASEAN Economy และมีไฮไลท์ในเรื่องการใช้เทคโนโลยี CCUS และ Green Infrastructure เพื่อการเข้าถึงคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยประกอบด้วยงานดังนี้
1. งานแสดงพลังงานและเทคโนโลยที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย (Sustainable Energy Technology Asia 2024 : SETA 2024)
2. งานแสดงเทคโนโลยีแสงอาทิตย์และระบบการกักเก็บพลังงาน (Solar+Storage Asia 2024 : SSA 2024)
3. งานยานยนต์อนาคตแห่งเอเชีย (Sustainable Mobility Asia 2024 : SMA2024)
4. งานฟอรั่มในระดับรัฐมนตรีและระดับผู้นํา ในภาคตะวันออกและอาเซียน The Fourth Asia CCUS Network Forum (ACNF#4) จัดภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) ประเทศญี่ปุ่น และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งอาเซียน ERIA และ IEEJ ประเทศญี่ปุ่น
5. งานประชุมวิชาการเรื่องเซลล์แสงอาทิตย์ไทย ครั้งที่ 1 (The Thai Photovoltaic Science and Engineering Conference :Thai PVSEC-1) โดยคณะกรรมการ PVSEC-36 สมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย และ SETA เพื่อสร้างเวทีนําเสนอผลงานทางวิชาการเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ของประเทศไทย และการเตรียมความพร้อมสําหรับการจัดงาน PVSEC ครั้งที่ 36 โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน
6.) Energy job fair: Energy Job Fair เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ค้นหางานที่น่าสนใจกว่า 5,000 ตําแหน่งที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน พลังงาน CSR และเทคโนโลยี พร้อมด้วยกิจกรรมให้ความรู้และตัวช่วยในการสมัครงาน (Resume Clinic) จาก Jobsdb by SEEK และไฮไลท์ที่น่าสนใจอีกมากมาย
อีกหนึ่งเวทีที่น่าสนใจ ก็คือ โครงการขับเคลื่อน มองไกล เพื่อชุมชนที่ยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีพลังงานสะอาด (Empowering Communities: Engaging Citizens in Local Sustainability Initiatives) โดยเล็งเห็นถึงความสําคัญของการมีส่วนร่วมของผู้นําในระดับท้องถิ่น จึงจัดทําโปรแกรมให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อการเรียนรู้ ตระหนัก และสามารถนําไปใช้ต่อยอดได้จริง ในการใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อพลังงานสะอาด เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนไปพร้อมกับทุกภาคส่วนในการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง
นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมภายใต้ชื่อ “LEAVE YOUR CARBON BEHIDE, NOT PEOPLE” ที่รวบรวมกิจกรรมเพื่อให้ผู้ร่วมงานได้ทําความเข้าใจจนนำไปสู่การลงมือทํา อาทิ พาไปสํารวจปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในชีวิตประจําวัน เวทีเสวนาแลกเปลี่ยนในแง่มุมของธุรกิจกับความยั่งยืน หรือการร่วมทําเวิร์คชอปกับชุมชน ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน SustainAsia Week 2024 ระหว่างวันที่ 15-17 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ รวมกว่า 1,500 คน จาก 55 ประเทศทั่วโลก เปิดโอกาสให้เกิดการเจรจาขยายเครือข่ายทางธุรกิจและแสดงศักยภาพของประเทศไทยในตลาดพลังงาน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก
ติดตามความเคลื่อนไหว และไม่พลาดโอกาสเชื่อมต่อทางธุรกิจและความร่วมมือกับผู้นําด้านพลังงานและความยั่งยืนได้ที่ เว็บไซต์ www.setaasia.com เว็บไซต์ www.SolarStorageAsia.com และ www.sustainasiaweek.com ลงทะเบียนเข้าร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่ คลิก: https://setaasia.com/registration/