IRPC คาดความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้นไตรมาสสุดท้ายของปี มุ่งชูนวัตกรรมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

86
- Advertisment-

IRPC คาดการณ์แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นช่วงฤดูหนาว เช่นเดียวกับกลุ่มปิโตรเคมีที่ความต้องการปรับตัวดีขึ้นจากการเตรียมผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ช่วงเทศกาลปลายปี ตั้งเป้าขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม พร้อมสร้างภูมิธุรกิจด้วยมาตรการรักษาผลประกอบการ (SOS) รวมทั้งติดตามความผันผวนของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนได้ทันท่วงที

นายเทอดเกียรติ พร้อมมูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดน้ำมันดิบในไตรมาสที่ 4/2567 คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมจะเพิ่มขึ้นจากความต้องการน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาสำหรับการผลิตพลังงานในช่วงฤดูหนาว ในขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในไตรมาสที่ 4/2567 ความต้องการผลิตภัณฑ์จะปรับตัวดีขึ้น เพื่อเตรียมรับเทศกาลปลายปี นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่มุ่งเน้นการสร้างกำลังซื้อภายในประเทศ การบรรเทาภาวะเงินฝืดและการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้มีสัญญาณเชิงบวกสำหรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 สถานการณ์ความผันผวนและไม่แน่นอนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้จากสภาวะเศรษฐกิจจีน สหรัฐอเมริกาและยุโรปที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ซึ่งกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 IRPC มีผลขาดทุนสุทธิ 4,880 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 4,148 ล้านบาท โดยมีรายได้การขายสุทธิ 69,964 ล้านบาท ลดลง 4,102 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 สาเหตุหลักจากราคาขายเฉลี่ยลดลงร้อยละ 10 ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แม้ปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 4

- Advertisment -


สำหรับธุรกิจปิโตรเลียม บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการกลั่นตามราคาตลาด (Market GRM) เพิ่มขึ้น เพราะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันเตาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างราคายางมะตอยที่ปรับตัวสูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามการใช้งบประมาณประจำปี รวมทั้งธุรกิจปิโตรเคมี มีกำไรขั้นต้นตามราคาตลาด (Market PTF) เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มสไตรีนิกส์กับวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนทำให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น จากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 3,650 ล้านบาท หรือ 5.72 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน จากความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจจีน สหรัฐอเมริกาและยุโรปที่ชะลอตัว ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ทำให้บริษัทขาดทุน สต็อกน้ำมัน 3,366 ล้านบาท หรือ 5.27 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และมีการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ามูลค่าสุทธิที่ได้รับ (NRV) 1,634 ล้านบาท หรือ 2.56 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล บริษัทฯ จึงขาดทุนสต๊อกน้ำมันสุทธิ 5,000 ล้านบาท หรือ 7.83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลต่อ EBITDA ไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ -4,843 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่ EBITDA 1,439 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเงินบาท ที่แข็งค่าขึ้นทำให้บริษัทฯ มีกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน 763 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้ 182 ล้านบาท รวมทั้งกำไรบริหารความเสี่ยงน้ำมัน(ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) 575 ล้านบาท แต่มีค่าเสื่อมราคา 2,327 ล้านบาท และมีต้นทุนการเงินสุทธิ จำนวน 687 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 4,880 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 4,148 ล้านบาท จากไตรมาสที่แล้ว

นายเทอดเกียรติ กล่าวต่อไปว่า “บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการ SOS (Save Overcome Strive) เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผ่านการบริหารจัดการการลงทุนและสินทรัพย์ พร้อมติดตามความผันผวนของปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนมาตรการต่าง ๆ ในการรับมือได้อย่างทันท่วงที”


IRPC มุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยการเชื่อมโยงการจัดการด้านสังคมกับการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Social – Linked THOR) กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการส่งเสริมด้าน ESG ที่ชัดเจนและวัดผลได้


นอกจากนี้ IRPC ได้ร่วมกับกองทุน Innovation One ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) โดยให้การสนับสนุน SMEs และสตาร์ทอัพก้าวสู่สากล พร้อมพัฒนา “ปุ๋ยหมีขาว REINFOXX” เสริมความยั่งยืนภาคเกษตร ด้วยความมุ่งมั่นนี้ IRPC ได้รับรางวัลนวัตกรรม เช่น Best Innovative Company จาก SET Awards 2024 และรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติอีก 4 รางวัล ได้แก่ 1. รางวัลองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทวิสาหกิจขนาดใหญ่ มอบให้ IRPC ในฐานะองค์กรที่นำความรู้ เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์มาใช้สร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืนตั้งแต่ระดับยุทธศาสตร์ กระบวนการ จนถึงโครงสร้างองค์กร 2. รางวัลเกียรติยศด้านนวัตกรรมแห่งชาติ สำหรับโครงการเม็ดพลาสติก ABS จากยางธรรมชาติ ซึ่งตอกย้ำบทบาทของ IRPC ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี และมีการนำไปใช้จริงพร้อมพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง 3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมจากผลงาน PP Phthalate Free Products นวัตกรรมที่สร้างประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีความโดดเด่นด้านรูปแบบผลิตภัณฑ์ และกระบวนการ 4. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ด้านเศรษฐกิจ จากผลงาน UHMWPE for Battery Separator ที่แสดงถึงศักยภาพในการสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์และประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน

Advertisment