บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) รอลุ้นผลเข้าร่วมโครงการเสนอขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5 พันเมกะวัตต์ ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) โดยเสนอขาย 70 เมกะวัตต์ เฉพาะประเภทโซลาร์ฟาร์มในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมเผยแผนลงทุน 5 ปี (2566-2570) กว่า 3.6 หมื่นล้านบาท หนุน EBITDA แตะ 3.5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2573 คาดปี 2566 รายได้โต 12% รับปัจจัยบวกกำลังการกลั่นเพิ่ม ขณะที่ผลกระทบขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนน้อยลง พร้อมผลักดัน IRPC ก้าวสู่บริษัทนวัตกรรมวัสดุและพลังงานยั่งยืน โดยวางเป้าองค์กร Net Zero ภายในปี 2603
นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า IRPC ได้ให้บริษัทในเครือเข้าร่วมเสนอขายไฟฟ้าสำหรับโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดรับซื้อประมาณ 5,000 เมกะวัตต์ โดยเสนอขายไฟฟ้าประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนพื้นดิน(โซลาร์ฟาร์ม) ประมาณ 70 เมกะวัตต์ บริเวณพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ของ IRPC เอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาคุณสมบัติตามขั้นตอน
สำหรับแผนการลงทุน บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายการลงทุนในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566– 2570) ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 36,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นงบสำรองลงทุน (Provision) อยู่ที่ประมาณ 14,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับรองรับแผนการควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) และแผนร่วมลงทุน (JV) รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ (Specialty Product) จาก 24% ในปี 2565 เป็น 33% ในปี 2566 และ 40% ในปี 2573 เพื่อผลักดันให้บริษัท บรรลุเป้าหมายมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ไว้ที่ 25,000 ล้านบาท ในปี 2568 และเพิ่มเป็น 35,000 ล้านบาท ในปี 2573
ทั้งนี้ งบลงทุนดังกล่าวจะใช้สำหรับพัฒนาขยายธุรกิจ และแสวงหาธุรกิจใหม่ๆ โดยผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตได้ตามวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ เพื่อก้าวไปสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมวัสดุและพลังงานอย่างยั่งยืน (Material and Energy Solutions) ซึ่งการเติบโตในอนาคตจะเน้นให้ความร่วมมือกับคู่ค้า ลูกค้า และพันธมิตรธุรกิจ ที่พร้อมสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ชาติ ตามโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green Economy (BCG) ของประเทศ และจะเน้นต่อยอดจากความแข็งแกร่งของฐานธุรกิจปัจจุบัน (Existing Stream) และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ (New Stream) อีกทั้งยังเน้นการลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Smart Material ที่สอดคล้องกับทิศทางของโลก อาทิ ด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ (Health and Wellness) ที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ของผู้คนปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม IRPC จะใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นขับเคลื่อนและขยายธุรกิจปัจจุบันเข้าสู่ 5 กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ Health and Life Science, Advanced Material, Circular Business, Future Energy และ Energy Storage โดยใช้ความรู้ด้านนวัตกรรมและแสวงหาความร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจ ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตามกลยุทธ์ 3C ซึ่งประกอบด้วย Climate Change, Circular Economy และ Creating Shared Value สร้างความยั่งยืนให้องค์กร
ส่วนแผนการลงทุนของบริษัทในปี พ.ศ. 2566 ตั้งเป้าหมายจะใช้งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยหลักๆจะเน้นการลงทุนโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project: UCF) ให้แล้วเสร็จตามแผนที่จะเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งปัจจุบันโครงการฯก่อสร้างมีความคืบหน้าอยู่ที่ 54% รวมถึงขยายการลงทุนตามกลยุทธ์ Existing Stream และ New Stream
ขณะที่ การลงทุนในโครงการ Innopolymed ที่ผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (Medical Consumables) ได้เริ่มเดินเครื่องโรงงานในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 นี้แล้ว ที่มีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกพีพี สปันบอนด์ (PP Spunbond) 200,000 ตันต่อปี เพื่อรับกระแสการดูแลสุขภาพ และมีแผนจะขยายการลงทุนโครงการพีพี เมลต์โบลน (PP Meltblown) 40,000 ตันต่อปี ภายในปี 2566
อย่างไรก็ตามปี 2566 คาดว่ารายได้บริษัทฯ จะเติบโตประมาณ 12% จากปี 2565 นี้ หลังประเมินว่าตลาดน้ำมันยังมีทิศทางที่ดี ราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวระดับสูงประมาณ 94 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือต่ำกว่าเล็กน้อย และบริษัทฯ คาดว่าโรงกลั่นจะเดินเครื่องการผลิตสูงขึ้นจากปี 2565 นี้ ที่มีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในช่วงต้นเดือน ต.ค.ถึงกลางเดือน พ.ย. 2565 ขณะที่การขาดทุนจากการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันคาดว่าจะน้อยลงจากปี 2565 นี้ ที่คาดว่าจะมีการขาดทุนประมาณ 9,000 ล้านบาท ส่วนตลาดปิโตรเคมี ในปี 2566 แม้ว่าทิศทางจะไม่ดีนักหลังคาดการณ์ราคาจะอยู่ในระดับต่ำเทียบย้อนหลัง 4 ปี แต่ก็คาดว่า ตลาดปิโตรเคมี จะผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 3-4 ของปี 2565 นี้ และเริ่มดีขึ้นในปี 2566 ดังนั้นในปี 2566 ก็คาดว่า EBITDA จะดีกว่าปี 2565 นี้
นอกจากนี้ ในปี 2566 บริษัทฯ ยังเตรียมความพร้อมรับมือกับทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ผัวผวน และความไม่แน่นอนจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยมีแผนตัดลดงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงให้ได้ในระดับใกล้เคียงกับปี 2565 นี้ พร้อมกับตั้งหน่วยงานใหม่ SOS เพื่อวางแผนรับมือวิกฤติเศรษฐกิจถดถอย
พร้อมกันนี้ IRPC ยังสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการแพทย์ หนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-curve) ตามนโยบาย Thailand 4.0 รวมทั้งรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ สอดคล้องกับกลยุทธ์การต่อยอดนวัตกรรมสร้างคุณค่าให้สังคมควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม โดย IRPC ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 20% ภายในปี พ.ศ. 2573 จากปีฐาน 2561 และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2603 โดยล่าสุดได้ร่วมกับกลุ่ม ปตท. ในการศึกษาพัฒนาและลงทุนผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก