IRPC ตั้ง2 ทีมทำงานสู้วิกฤตโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อธุรกิจ

875
- Advertisment-

IRPC  สู้วิกฤต COVID-19 ตั้ง  ทีม Crisis Management ติดตามสถานการณ์ธุรกิจ พร้อมกำหนดนโยบายและตัดสินใจดำเนินการได้อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์ คู่ขนานกับทีมPlanning Ahead  ที่จะมาบริหารจัดการฟื้นฟูธุรกิจหลังภาวะวิกฤต และมองหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต เผยปัจจัยราคาน้ำมันดิบลดต่อเนื่องทำให้บริษัทฯขาดทุนสต๊อกน้ำมัน ส่งผลให้ไตรมาสแรก ขาดทุนสุทธิ 8,905 ล้านบาท

นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า IRPC  ได้ปรับตัวรับสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของCOVID-19 โดยได้จัดตั้งคณะทำงาน Crisis Management และ Planning Ahead โดยคณะทำงาน Crisis Management จะติดตามสถานการณ์ธุรกิจ พร้อมกำหนดนโยบายและตัดสินใจดำเนินการได้อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์ และจะทำงานคู่ขนานกับคณะทำงาน Planning Ahead ที่บริหารจัดการฟื้นฟูธุรกิจหลังภาวะวิกฤต และมองหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ ที่รองรับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งสงครามการค้าทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างรวดเร็วและวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของCOVID-19 ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2563   เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 3,665 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงอย่างมาก จาก 67.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในช่วงต้นไตรมาส ลดลงมาอยู่ที่ 23.4 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ในช่วงสิ้นไตรมาส

- Advertisment -

ทั้งนี้เป็นผลจากสภาวะอุปทานล้นตลาด เนื่องจากกลุ่มโอเปกและพันธมิตรไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิต ประกอบกับการหยุดทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจและมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ของทุกประเทศ ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 6,811 ล้านบาท หรือ 12.66 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) จำนวน 3,146 ล้านบาท หรือ 5.84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับไตรมาสก่อนที่มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชีจำนวน 4,341 ล้านบาท  ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 8,905 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อน  ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 513 ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 2 ปี 2563นี้ คาดว่ายังทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องจากสิ้นไตรมาส 1  จะเป็นปัจจัยบวกส่งผลให้ต้นทุนทางการผลิตลดลง จากการได้รับประโยชน์จากราคาประกาศของ Saudi Aramco ที่มีส่วนลด (discount) ประมาณ 7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในเดือนพ.ค 2563นี้ ซึ่งในปัจจุบันสัดส่วนน้ำมันดิบที่ IRPC สั่งซื้อมาจาก Saudi Aramco มีประมาณ 40%ของปริมาณการสั่งซื้อน้ำมันดิบทั้งหมด
บริษัทฯ ได้มีการบริหารต้นทุน และประสิทธิภาพการผลิตอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ จะมีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน

สำหรับภารกิจสำคัญเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID–19 บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาต่อยอดชุด PPE อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) ผลิตจากผ้าสปันบอนด์ (Polypropylene spunbond) ที่สามารถป้องกันสารคัดหลั่งและเลือดไม่ให้ซึมผ่าน  ด้วยต้นทุนในการผลิตถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศถึง 60%รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมพลาสติกคลุมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ โดยใช้วัตถุดิบผ้ากระสอบพลาสติกผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีนเกรดพิเศษ ที่มีคุณสมบัติเหนียว แข็งแรงทนทานสูง ด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าพลาสติกที่นำเข้าจากต่างประเทศถึงเกือบ 3 เท่าตัว

จากความก้าวหน้าดังกล่าว นำไปสู่ความร่วมมือในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ในการสร้างห้องปฏิบัติการตรวจสอบมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการแพทย์ เพื่อยกระดับการสร้างองค์ความรู้ และการวิจัยภายในประเทศ พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการผลิตวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ในประเทศทดแทนการนำเข้า

Advertisment