คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติลดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมัน เหลือ 3.84 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมียมเหลือ 5.34 บาทต่อลิตร หลังราคาน้ำมันโลกผันผวนปรับสูงขึ้น ชี้ปัจจุบันไม่มีการอุดหนุนราคาน้ำมันทุกชนิดแล้ว ส่งผลเงินไหลเข้ากองทุนฯ ประมาณ 20 ล้านบาทต่อวัน ช่วยลดภาระกองทุนฯ ให้ติดลบลดลงเหลือกว่า 6 หมื่นล้านบาท จากที่เคยติดลบสูงสุดถึง 1.3 แสนล้านบาท เมื่อปี 2565
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center -ENC) รายงานว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2566 ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุม ได้มีมติปรับลดการเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงจาก 5.59 บาทต่อลิตร เหลือ 3.84 บาทต่อลิตร และปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนฯ สำหรับผู้ใช้ดีเซลเกรดพรีเมียมลงจาก 7.09 บาทต่อลิตร เหลือ 5.34 บาทต่อลิตร ทั้งนี้เนื่องจากราคาน้ำมันโลกผันผวนปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามปัจจุบันไม่มีการชดเชยราคาน้ำมันทุกชนิดแล้ว และยังเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันส่งเข้ากองทุนฯ ด้วย โดยการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยผู้ใช้น้ำมันเบนซินถูกเรียกเก็บ 8.88 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เรียกเก็บ 2.30 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 เรียกเก็บ 0.31 บาทต่อลิตร
โดยการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าเกือบ 20 ล้านบาทต่อวัน และทำให้สถานะกองทุนฯ ติดลบลดลงจากที่เคยติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 1.3 แสนล้านบาท เมื่อปี 2565 โดย ณ วันที่ 18 มิ.ย. 2566 สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้รายงานสถานะกองทุนฯ ล่าสุดติดลบ 60,189 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบ 14,077 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบ 46,112 ล้านบาท
ด้านราคาน้ำมันโลก ณ วันที่ 20 มิ.ย. 2566 เวลาประมาณ 14.30 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 75.20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.51 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 71.03 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.75 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 76.11 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.02 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ขณะที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้รายงานค่าการตลาด ณ วันที่ 20 มิ.ย. 2566 โดยค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 2.63 บาทต่อลิตร สูงกว่าที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ( กบง.) มีมติปรับคืนค่าการตลาดให้ผู้ค้าน้ำมันเฉลี่ยไม่เกิน 2 บาทต่อลิตร สำหรับค่าการตลาดกลุ่มเบนซินอยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อลิตร โดยภาพรวมค่าการตลาดตั้งแต่วันที่ 1-20 มิ.ย. 2566 อยู่ที่ 2.40 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ล่าสุดผู้ค้าน้ำมันได้ประกาศปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. 2566 ส่งผลให้ราคาเปลี่ยนแปลงดังนี้ แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 33.59 บาทต่อลิตร,แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 33.14 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 35.18 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.45 บาทต่อลิตร และเบนซินอยู่ที่ 43.24 บาทต่อลิตร ส่วนราคาดีเซลไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร