ดวงพักตรา ไชยพงษ์ ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC)ร่วมเดินทางไปกับคณะสื่อมวลชนและผู้บริหารบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เพื่อเยี่ยมชมธุรกิจการลงทุนของ OR ที่ประเทศกัมพูชา โดย OR ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันอันดับ 1 ในประเทศไทยที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 43-45% ปัจจุบันมีปั๊มน้ำมันในไทยมากที่สุดกว่า 2,570 สถานี และยังตั้งเป้าหมายครองแชมป์ผู้นำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันในไทยอย่างมั่นคง ด้วยการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2567 นี้ OR ได้วางแผนกลยุทธ์เดินหน้าธุรกิจในกัมพูชา โดยตั้งเป้าหมายการลงทุนในกัมพูชาให้เป็นเสมือนบ้านหลังที่ 2 รองจากประเทศไทย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีความนิยมผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยสูง
คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในปี 2567 น่าจะเป็นปีที่ดีของ OR คาดว่าจะมียอดขายน้ำมันเติบโตมากกว่าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP) 1% จากปี 2566 นี้ ที่ไทยมีการเติบโต GDP ประมาณ 2.8-2.9% ยอดการขายน้ำมันจะโตประมาณ 4%
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศของ OR นั้น จะมุ่งเน้นไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา ที่ OR ได้วางกลยุทธ์ให้เป็นบ้านหลังที่ 2 โดยจะเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงแสวงหาพันธมิตรทั้งจากประเทศไทยและพันธมิตรในพื้นที่ โดยจะเน้นไปที่ธุรกิจการจำหน่ายน้ำมันของ OR , คลังเก็บผลิตภัณฑ์ และธุรกิจหล่อลื่น PTT Lubricants
รวมทั้งได้ร่วมลงทุนในบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จไตรมาส 3 ปี 2567 รวมถึงแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจพลังงานอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Battery Swapping และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ที่มีการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ร้าน คาเฟ่ อเมซอน ร้านสะดวกซื้อ และร้านสะดวกซัก อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย
นอกจากนี้ OR ยังมีแผนลงทุนคลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือก๊าซ LPG ขนาดความจุ 2,200 ตัน ในกัมพูชา ใช้งบลงทุนประมาณ 12 .5 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดต้นปี 2567 จะเริ่มเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาก่อสร้าง และแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการในปี 2568 โดยจะเริ่มขาย LPG ให้กับอุตสาหกรรมเป็นหลักก่อน จากนั้นจึงขยายไปกลุ่มอาคารพาณิชย์ที่มีถังเก็บขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน OR ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ดำเนินงานในกัมพูชา เช่น การขายน้ำมันอากาศยาน หรือ น้ำมันเครื่องบิน ,น้ำมันเรือ , LPG และน้ำมันหล่อลื่น PTT Lubricants ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 นอกจากนั้นยังขายน้ำมันให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้า อีกทั้งยังขายยางมะตอย , ผลิตภัณฑ์พิเศษ เป็นต้น
ส่วนประเทศอื่นๆ OR ยังคงมองหาโอกาสอย่างต่อเนื่อง เช่น ในประเทศเมียนมา แต่ขณะนี้ยังมีปัญหาด้านการเมืองในประเทศจึงทำให้ต้องชะลอการลงทุนไปก่อน ส่วนประเทศ สปป.ลาว วางเป้าหมายให้เป็นแหล่งซัพพลายในอนาคต โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟ
ส่วนคุณรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจต่างประเทศ OR กล่าวว่า OR วางกลยุทธ์ให้กัมพูชาเป็นบ้านหลังที่สองรองจากไทย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดีหลังโควิด-19 คลี่คลาย และมีเสถียรภาพทางการเมือง โดย OR ตั้งงบลงทุนที่กัมพูชาในปี 2567 อยู่ที่ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,700 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนขยายสถานีบริการน้ำมันของ OR อีก 27 แห่ง จากปัจจุบันอยู่ที่ 172 แห่ง คาดสิ้นปี 2566 จะมีสถานีบริการที่ 175 แห่ง ทั่วประเทศยกเว้น 3 จังหวัด คือ ไพลิน, พระวิหาร และ อุดรมีชัย ที่ยังไม่ได้ขยายเข้าไป
โดยปัจจุบันปั๊มของ OR มีมาร์เก็ตแชร์ 17.3% เป็นอันดับ 2 รองจากอันดับ 1 คือ Tela ซึ่งเป็นแบรนด์ปั๊มน้ำมันท้องถิ่นที่มีมาร์เก็ตแชร์เกือบ 39.3% ส่วนการขยาย คาเฟ่ อเมซอน นั้นจะขยายเพิ่มอีก 31 สาขา จากปัจจุบันมี 231 สาขา มีมาร์เก็ตแชร์คิดเป็น 23% เป็นอันดับ 1
นอกจากนี้จะสร้างคลัง LPG ในกัมพูชา ความจุ 2,200 ตัน ใช้งบลงทุนรวม 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดต้นปี 2567จะเริ่มเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาก่อสร้าง และเปิดดำเนินการในปี 2568 เบื้องต้นจะขาย LPG ให้กับภาคอุตสาหกรรมเป็นหลักก่อน
คุณ ณัฐพงศ์ แก้วตระกูลพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท. (กัมพูชา) จำกัด หรือ PTTCL กล่าวว่า ธุรกิจร้านกาแฟของกัมพูชามีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่มักจะมองหาแบรนด์ร้านสดใหม่ ดังนั้น OR จึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ต้องปรับตัว เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยกลยุทธ์สำคัญ คือ การเปิดร้านสาขา ‘คาเฟ่ อเมซอน’ ภายใต้แนวคิด ‘คอนเซปต์ สโตร์’ ซึ่งเป็นสาขาแรกในเมืองหลวง จังหวัดพนมเปญ ใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท คาดพร้อมเปิดให้บริการในปี2567 โดยร้านมีพื้นที่ขนาดราว 2,000 ตารางเมตร ใหญ่กว่าสาขาปกติที่เปิดให้บริการทั่วไป ที่มีขนาด 150-200 ตารางเมตร
นอกจากกลยุทธ์การปรับปรุงแบรนด์คาเฟ่ อเมซอน ภายใต้แนวคิด ‘คอนเซปต์ สโตร์’ แล้ว ยังวางแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละ 20 สาขา คาดในปี 2567 จะมีสาขาให้บริการได้ทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 250 สาขา ซึ่งรูปแบบการขยายนั้น จะมีทั้งส่วนที่บริษัทลงทุนเอง 10% และ ดีลเลอร์ แฟรนไชส์ ในสัดส่วน 90%
การขยายธุรกิจของ OR ในต่างประเทศ ไม่ใช่การเน้นสร้างกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังสร้างการเติบโตและพัฒนาไปพร้อมกับสังคมและชุมชนของประเทศนั้นๆ ด้วย เพื่อให้การทำธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืน ดังจะเห็นได้จากร้านคาเฟ่ อเมซอน ที่เปิดโอกาสให้ผู้พิการในกัมพูชาได้เข้ามาร่วมทำงานเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ด้วย เป็นต้น นอกจากนี้การขยายธุรกิจไปต่างประเทศถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งของการรักษาความเป็นผู้นำด้านการตลาดธุรกิจน้ำมันอันดับ 1 ในประเทศไทย และช่วยดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศตามนโยบายรัฐบาลได้อีกทางหนึ่ง
