บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ประกาศเข้าซื้อธุรกิจการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” จาก Chevron Asia Pacific Holdings Limited (CAPHL) เพื่อให้ธุรกิจโรงกลั่นและการทำตลาดน้ำมันในประเทศไทยมีความครบวงจร
–
นายโรเบิร์ต โดบริค กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การผสานธุรกิจการตลาดและจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงเข้ากับการกลั่นน้ำมันจะเสริมสร้างโอกาสการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ด้านห่วงโซ่ ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีทั้งกับผู้ถือหุ้นและลูกค้าคาลเท็กซ์ อีกทั้งยังจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย โดย SPRC จะยังคงจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพภายใต้แบรนด์คาลเท็กซ์® และเทครอน ซึ่งเป็นแบรนด์ที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 75 ปี
ด้าน นายชาแชงค์ นานาวาติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการพาณิชย์ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) อดีตประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด กล่าวว่า การรวมธุรกิจการกลั่นและการตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงจะเสริมคุณค่าของแบรนด์และจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับผู้ถือหุ้น และผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ อีกทั้งเพิ่มทักษะความรู้ความสามารถของพนักงานให้มีความพร้อมในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่เป็นเป็นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อการเติบโตในระยะยาว
ทีมศูนย์ข่าวพลังงาน Energy News Center รายงานว่า ก่อนหน้านี้ทั้ง SPRC และปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ต่างก็มีเชฟรอนจากสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของ แต่แยกกันทำธุรกิจในประเทศไทยเป็นคนละนิติบุคคล แต่หลังจากนี้ ทั้งธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทย จะอยู่ภายใต้ SPRC ที่มี CHEVRON SOUTH ASIA HOLDINGS PTE LTD ถือหุ้นอยู่ 60.56%
–
ปัจจุบัน โรงกลั่นน้ำมันของ SPRC มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 175,000 บาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์มีอยู่ประมาณ 450 แห่งทั่วประเทศ ดำเนินการโดยพันธมิตรทางธุรกิจมืออาชีพ
โดยการเข้าซื้อธุรกิจน้ำมันครั้งนี้ยังรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อันได้แก่ สัดส่วนการถือครองหุ้นร้อยละ 9.91 ในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 2.51 ในบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) การลงทุนในบริษัทเอกชนที่ถือครองที่ดินแปลงที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และคลังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสงขลา และสุราษฎร์ธานีอีกด้วย
–