ครม.เห็นชอบโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงพลังงานหลายตำแหน่ง ดัน 2 ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ “วรากร พรหโมบล ” นั่งอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และ “สมภพ พัฒนอริยางกูล “ นั่งรองปลัดกระทรวงพลังงาน ส่วน “ วัฒนพงษ์ คุโรวาท “ นั่ง กรมใหญ่ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center -ENC ) รายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง (กระทรวงพลังงาน) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ จำนวน 6 ราย ดังนี้
1. นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
2. นายสมภพ พัฒนอริยางกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
3. นายวรากร พรหโมบล ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ(ชธ.)
4. นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.)
5. นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.)
6. นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพลังงานว่า ฝ่ายการเมืองจะไม่มีการเข้าไปแทรกแซง โดยปล่อยให้ปลัดกระทรวงพลังงาน นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ซึ่งรู้จักข้าราชการที่จะได้รับการแต่งตั้งดีกว่าตัวเขา เป็นผู้นำเสนอรายชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสม โดยขอเพียงให้บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมต่างๆ นำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
สำหรับตำแหน่งที่จะมีบทบาทในการเร่งขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ทั้งในเรื่องของการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ในส่วนของราคาน้ำมัน ที่จะต้องกำกับผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 คือ กรมธุรกิจพลังงาน ที่นายสราวุธ แก้วตาทิพย์จะไปนั่งเป็นอธิบดี ส่วนการเร่งเจรจาแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ไทย-กัมพูชา ที่ประเมินว่ามีศักยภาพที่จะพบแหล่งปิโตรเลียม คือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ โดยนายวรากร ที่มาจากผู้ตรวจราชการกระทรวงนั้น ถือเป็นลูกหม้อของกรมดังกล่าวและเคยนั่งเป็นรองอธิบดี มาก่อน ส่วนกรมที่มีความสำคัญและเป็นกรมขนาดใหญ่ ที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ซึ่งปลัดกระทรวงจะต้องช่วยเป็นพี่เลี้ยงในฐานะที่เคยเป็นอธิบดีมาก่อน คือ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือ พพ. ที่อธิบดีคนใหม่ คือ นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท