GULF เผยนักลงทุนสนใจตอบรับหุ้นกู้ฯ กว่า 1.6 เท่าของมูลค่าเสนอขายรวม 2.4 หมื่นล้านบาท

374
- Advertisment-

กัลฟ์แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ หุ้นกู้ชนิดไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกัน มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท ที่เสนอขายให้นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ มีผู้สนใจลงทุนกว่า 1.6 เท่า ของมูลค่าเสนอขายทั้งหมด เตรียมนำเงินจากการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวไปใช้หนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ต่อไป

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ชนิดไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 24,000 ล้านบาท โดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน (Institutional Investors) และผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth)

โดยการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ได้รับผลตอบรับจากผู้ลงทุนอย่างมากมายภายหลังจากการสำรวจความต้องการซื้อตราสารหนี้ (book building) โดยมีผู้ลงทุนแสดงความสนใจลงทุนในหุ้นกู้มูลค่ากว่า 1.6 เท่า ของมูลค่าการเสนอขายทั้งหมด (oversubscription)

- Advertisment -

สำหรับหุ้นกู้ที่บริษัทฯเสนอขายในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 4 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ2.02 ต่อปีมูลค่า 10,000 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.97 ต่อปี มูลค่า 8,000 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.21 ต่อปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท และหุ้นกู้อายุ 10 ปีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.70 ต่อปี มูลค่า 5,000ล้านบาท โดยหุ้นกู้มีอายุเฉลี่ย 5.3 ปี และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 2.74 ซึ่งบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินจากการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ “A” และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับในระดับ “A-” จากบริษัททริสเรทติ้ง จำกัด โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ซึ่งได้เปิดจองซื้อหุ้นกู้ในวันที่ 21 –23 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา และได้ออกหุ้นกู้ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565

ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าการสนับสนุนจากผู้ลงทุนในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ได้แก่ธุรกิจพลังงาน ซึ่งครอบคลุมธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจก๊าซ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยบริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์ธุรกิจแนวคิดใหม่ ผสานรวมเข้ากับเทคโนโลยีชั้นนำและทันสมัย เพื่อดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

Advertisment