บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงมาตรการลดใช้น้ำลง10%เพื่อรับมือสถานการณ์น้ำแล้งตามนโยบายรัฐบาล ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและสามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้า ในกลุ่มของบริษัทได้ตามปกติ โดยมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าด้วยการทะยอยสำรองน้ำในบ่อเก็บน้ำของแต่ละโรงไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2562แล้ว พร้อมระบุโรงไฟฟ้าเอกชนรายย่อย (SPP) ของกลุ่มบริษัทฯ มีแผนที่จะขายไฟฟ้าให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ได้เพิ่มขึ้นประมาณ 6-7%ในปี2563
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center-ENC) รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้มีหนังสือแจ้งถึง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการบริหารจัดการและการเตรียมความพร้อมต่อสภาวะน้ำแล้งของกลุ่มบริษัทกัลฟ์ฯ โดยอ้างถึงนโยบายของรัฐบาลที่ให้โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ลดการใช้น้ำลง 10% เพื่อบรรเทาความกังวลเรื่องสถานการณ์น้ำแล้ง ว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้ามาเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี และได้ผ่านวิกฤตน้ำแล้งมาแล้วหลายครั้ง เช่น ในปี 2558 ซึ่งสถานการณ์น้ำในแม่น้ำและเขื่อนต่าง ๆ อยู่ในระดับวิกฤตกว่าปัจจุบัน แม้กระนั้นโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการการใช้น้ำในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้เป็นปกติ
สำหรับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันนั้น บริษัทฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปี 2562 โดยได้มีการร่วมหารือกับหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวมถึงจัดหาแนวทางในการบริหารจัดการน้ำร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่โรงไฟฟ้าตั้งอยู่ ซึ่งทำให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจว่า นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานต่าง ๆ จะร่วมกันบริหารจัดการน้ำได้อย่างเพียงพอไปจนถึงฤดูฝน
สำหรับการเตรียมความพร้อมภายในโรงไฟฟ้านั้น โรงไฟฟ้าได้มีการทยอยสำรองน้ำในบ่อเก็บน้ำของโรงไฟฟ้าจนมีปริมาณน้ำสำรองเต็มความจุบ่อในทุกโครงการ อีกทั้งยังได้ดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำสำรองอื่น ๆ ในพื้นที่นอกโรงไฟฟ้าอีกด้วย ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีความมั่นใจว่าสถานการณ์น้ำจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานโดยรวมของกลุ่มบริษัทฯ
นอกเหนือจากเรื่องการบริหารจัดการน้ำข้างต้นแล้ว โรงไฟฟ้าเอกชนรายย่อย (SPP) ของกลุ่มบริษัทฯ ยังสามารถขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขายไฟฟ้าให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 6-7% ด้วยโครงสร้างรายได้ที่มั่นคงจากทั้งภาครัฐและกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ประกอบกับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของกลุ่มบริษัทฯ บริษัทฯ จึงมีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้