กลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน(ERS) เตรียมยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีพลังงาน เสนอยกเลิกอุดหนุนราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 และไบโอดีเซลB20 เพื่อลดภาระการอุดหนุนของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เดือนละประมาณ 500 ล้านบาท พร้อมไม่เห็นด้วยกับแนวทางของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ที่จะเสนอให้ลดเก็บภาษีสรรพสามิตก๊าซ LPG 2 บาทต่อกิโลกรัม แต่ไปเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเข้ากองทุนฯเพิ่ม 20 สตางค์ต่อลิตร เพื่อให้กองทุนฯมีเงินมาอุดหนุนราคา LPG อย่างต่อเนื่อง
นายมนูญ ศิริวรรณ แกนนำกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน (ERS) เปิดเผยในการร่วมแถลงข่าวกับกลุ่ม ERS เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2563 ว่า ERS เตรียมยื่นข้อเสนอถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานให้ยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ในปี 2564 และเลิกอุดหนุนราคาไบโอดีเซล B20 ในปี 2565 ซึ่งจะช่วยลดภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากปัจจุบันมีเงินไหลออกจากการอุดหนุนE85 ถึงประมาณ 200 ล้านบาทต่อเดือนและเงินไหลออกจากการอุดหนุน B20 จำนวน 300 ล้านบาทต่อเดือน หรือรวมทั้งหมดประมาณ 500 ล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้เห็นว่าการเลิกอุดหนุนน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพทั้ง E85 และB20 จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำมันที่สามารถจะเปลี่ยนไปใช้ E20 และ B10 ทดแทนได้ ซึ่งปัจจุบัน น้ำมันE85 และ B20 เป็นน้ำมันที่ประชาชนใช้น้อยมาก แต่ที่ยังมีจำหน่ายจนถึงทุกวันนี้เนื่องจากเป็นนโยบายทางการเมือง ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจแต่อย่างใด
โดยการเลิกอุดหนุนฯดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งของ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2562 ที่กำหนดให้ต้องยกเลิกการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพภายใน 3 ปี หรือภายในปี 2565 แต่สามารถขอขยายเวลาได้ครั้งละ 2 ปี แต่ต้องไม่เกิน 2 ครั้ง
ปัจจุบันสถานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 25 ต.ค. 2563 มีเงินเหลือประมาณ 29,000 ล้านบาท แต่ทุกเดือนเงินรายรับจะน้อยกว่ารายจ่ายโดยมีเงินไหลออกประมาณ 1,200 ล้านบาทต่อเดือน จากการอุดหนุนน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ 700 ล้านบาทต่อเดือนและการอุดหนุน LPG อีก 500 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งหากเงินยังคงมีการไหลออกจากกองทุนอย่างต่อเนื่องแบบนี้ คาดว่าภายใน 2 ปี เงินที่สะสมอยู่ในกองทุนน้ำมันฯจะหมดลง
โดยในการอุดหนุนราคาLPG นั้น รัฐกำหนดกรอบวงเงินจากกองทุนน้ำมันฯ มาดูแลเอาไว้ 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 8,200 ล้านบาท คาดว่าอีก 2-3 เดือน ก็จะเต็มเพดานที่อนุมัติไว้ ซึ่งสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.)จะต้องหารือกับคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.)ว่าจะขยายกรอบวงเงินเพิ่ม หรือ จะดำเนินการอย่างไรต่อไปเกี่ยวกับการอุดหนุนราคา LPG
นายมนูญ กล่าวด้วยว่า ERS ยังไม่เห็นด้วยที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) จะขอแก้กฎหมายให้กลับมานำเงินไปอุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพได้ ซึ่งเห็นว่าไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำมัน เพราะรัฐเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันแต่นำเงินไปอุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพ และทำให้ผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพไม่ได้ปรับเพิ่มประสิทธิภาพน้ำมันเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศแต่อย่างใด
รวมถึงกรณีที่ สกนช. จะเสนอให้ปรับลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตก๊าซ LPG ในอัตรา 2 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบันมีการจัดเก็บอยู่ที่ 2.17 บาทต่อกิโลกรัม ให้เหลือการจัดเก็บอยู่ที่ 0.17 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้ราคาLPGซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 18 บาทต่อกิโลกรัม ปรับลดลงได้อีก 2 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อช่วยเหลือประชาชน และไปเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดเข้ากองทุนน้ำมันฯเฉลี่ย 20 สตางค์ต่อลิตรแทนนั้น ทาง ERS ไม่เห็นด้วยเพราะไม่เป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำมันและยังเป็นการอุดหนุนแบบข้ามประเภทเชื้อเพลิงอีกด้วย
