EGCO Group ชูกลยุทธ์ “Triple P” ระยะ 3 ปี มุ่งสร้างรายได้ ขยายธุรกิจไฟฟ้า ปรับองค์กรรองรับการเติบโตระดับสากล

90
- Advertisment-

การปรับตัวและพัฒนาองค์กรให้เติบโตไปพร้อมกับเทรนด์การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานในปัจจุบัน บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ผู้ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องมากว่า 32 ปี จึงได้ทบทวนและประกาศขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ “Triple P” ระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของรายได้และผลกำไร พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรรองรับการขยายธุรกิจในระดับสากล และการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ โดยตั้งงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า EGCO Group พร้อมขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ “Triple P” เพื่อให้สอดคล้องกับยุคการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยกลยุทธ์ดังกล่าวประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ได้แก่

  1. Profitability and Performance Energizing มุ่งเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อดูแลอัตราส่วนหนี้สินและรักษาอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท และดูแลผู้ถือหุ้นด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
  2. Power and Energy-related Focus เน้นการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและรากฐานความแข็งแกร่งของ EGCO Group ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ตลอดจนแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท โดยเน้นต่อยอดการลงทุนในประเทศที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว 8 ประเทศ และ
  3. Portfolio and People Management บริหารจัดการพอร์ตการลงทุนและทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นสร้างความเป็นเลิศในกระบวนการดำเนินงาน (Operational Excellence) ให้ความสำคัญกับการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ (Asset Recycling) ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในระดับสากล ตลอดจนปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

“กลยุทธ์ “Triple P” ระยะ 3 ปี มีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน คือ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างยั่งยืน การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต”

- Advertisment -

EGCO Group เชื่อมั่นว่า กลยุทธ์ “Triple P” จะตอบโจทย์การเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยการสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง และการบรรลุเป้าหมายเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ โดยจะสนับสนุนให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการดำเนินการ 3 ระยะ ได้แก่ เป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2573 ที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด เป้าหมายระยะกลาง ภายในปี 2583 ที่จะมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายระยะยาว ภายในปี 2593 ซึ่งจะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

ภายใต้กลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ดร. จิราพร เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้เจรจาการลงทุนรูปแบบ M&A ในประเทศ 1 โครงการ กำลังผลิตประมาณ 500 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลภายในไตรมาสแรกของปี 2568 ขณะเดียวกันก็กำลังเจรจาอีก 1 โครงการในต่างประเทศ อีกทั้งยังเจรจาเพื่อลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพในสหรัฐอเมริกาอีก 1-2 โครงการ

ส่วนนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งชนะการเลือกตั้งได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ที่มีทิศทางลดความสำคัญของพลังงานหมุนเวียนลงนั้น EGCO Group มองว่าพลังงานหมุนเวียนยังสำคัญต่อโลกในปัจจุบัน และหลายประเทศยังต้องการเชื้อเพลิงสะอาด ดังนั้น บริษัทฯ จะเดินหน้าลงทุนพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯ ต่อไป ผ่าน APEX ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ ซึ่ง EGCO Group ถือหุ้นอยู่ 17.46% รวมถึงพิจารณาขยายการลงทุนพลังงานหมุนเวียนโครงการใหม่ ๆ เพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะติดตามนโยบายของทรัมป์อย่างใกล้ชิดต่อไป

ส่วนแนวทางการปรับโครงสร้างองค์กร กรรมการผู้จัดการใหญ่หญิงแห่ง EGCO Group เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมทบทวนการดำเนินงานของบริษัทย่อยที่อยู่ในเครือกว่า 100 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจแล้ว 50 บริษัท และบริษัทที่จดทะเบียนไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดดำเนินการอีก 50 บริษัท ซึ่งได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษาทบทวนความเหมาะสมของธุรกิจ คาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2568 (ม.ค.- มี.ค. 68)

สำหรับการดำเนินงานในปี 2568 นั้น ดร. จิราพร ย้ำว่า ECGO Group จะเดินหน้าลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง อย่างต่อเนื่อง โดยการเติบโตทางธุรกิจในปีหน้าจะมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากโครงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ การรับรู้รายได้เต็มปีจากการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐฯ และจากการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย จ.ระยอง การรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน การรับรู้รายได้จากการขายโครงการพลังงานหมุนเวียนและการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของ APEX ในสหรัฐฯ การเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที

ปัจจุบัน (ณ 18 พ.ย. 67) EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 7,019 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,463 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 21% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ โดยมีโรงไฟฟ้าและโครงการต่าง ๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ EGCO Group ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด “ESCO” ให้บริการงานเดินเครื่อง บำรุงรักษา วิศวกรรม ก่อสร้าง และการฝึกอบรมแก่โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ บริษัทโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค “CDI” ในอินโดนีเซีย ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “TPN” โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง “ERIE” บริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม “Innopower” และบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน “Peer Power”

 #EGCO #EGCOGroup #กลยุทธ์TripleP

Advertisment