บริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส ผู้นำด้านธุรกิจบริการปิดและสละหลุมผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เปิดตัวแท่นอุปกรณ์ที่จะนำไปใช้ในภารกิจปิดและสละหลุมผลิตถาวรในทะลแบบไม่มีขาแท่น (Rigless) หวังชิงส่วนแบ่งในตลาดที่คาดว่าจะสุดคึกคักก่อนสัมปทานปิโตรเลียมหมดสัญญาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 บริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงาน Grand Opening ณ สำนักงานสัตหีบ จ. ชลบุรี เผยโฉมแท่นอุปกรณ์เพื่อการปิดและสละหลุมถาวรชนิดไม่มีขาแท่น 2 ยูนิตใหม่ ซึ่งถูกออกแบบเพื่อใช้งานในอ่าวไทยโดยเฉพาะ พร้อมรองรับงานปิดและสละหลุมผลิตถาวรจำนวนมากที่คาดว่าจะเติบโตคึกคักในช่วงที่สัญญาสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยจำนวนหนึ่งจะหมดอายุในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
โดยพิธีเปิดตัวครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ วุฒิสมาชิกเป็นประธาน พร้อมแขกผู้มีเกียรติ อาทิ นายฤทธิรงค์ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการพลังงาน วุฒิสภา นายกำพลศักดิ์ คลังแสง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา และนายกล้าหาญ เชาว์ศิลป์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยออยล์ทูล แมชชีนเนอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ร่วมแสดงความยินดี
นอกจากการเปิดตัวแท่นอุปกรณ์ตัวใหม่ดังกล่าว นายบ็อบ เดวิสสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) ยังได้ประกาศความสำเร็จในการจัดตั้งบริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส ซึ่งเดิมรู้จักในนาม อีมาส เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส โดยบริษัทใหม่จะเป็นอิสระ 100% จากเจ้าของเดิม คือ อีมาส กรุ๊ป ซึ่งทำให้บริษัทฯ สามารถกำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัวและและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
นับถึงปัจจุบัน บริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส ประสบความสำเร็จในการดำเนินการปิดและสละหลุมผลิตปิโตรเลียมถาวรในทะเลและยืดอายุหลุมผลิต (slot recoveries) อย่างเรียบร้อยและปลอดภัยให้แก่ลูกค้ามาแล้วมากกว่า 600 หลุม และพร้อมเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยช่วงที่สัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยส่วนหนึ่งจะหมดสัญญาในปี พ.ศ. 2565-2567 จะทำให้มีการปิดและสละหลุมถาวรเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากจะต้องมีการปิดหลุมผลิตที่เลิกผลิตแล้วและรื้อถอนแท่นตามข้อกำหนดของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน
“EEST สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้นำด้านบริการแท่นอุปกรณ์ชนิดไม่มีขาแท่นเพื่อปิดและสละหลุมผลิตถาวรในภูมิภาคนี้ เมื่อหลุมผลิตที่ไม่มีปิโตรเลียมมีจำนวนเพิ่มขึ้น เราจึงคาดว่าตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึง 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทจะทำสัญญากับลูกค้าเพื่อให้บริการปิดและสละหลุมผลิตถาวรมากขึ้น อีกทั้งพร้อมสร้างแท่นอุปกรณ์เพิ่มเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว ซึ่งหมายความว่าเราจำเป็นต้องจ้างพนักงานเพิ่มด้วย” นายบ็อบ กล่าว
โดยทั่วไป เมื่อหลุมผลิตปิโตรเลียมได้ดำเนินการมาจนไม่มีปิโตรเลียมเหลือในหลุมแล้ว จำเป็นต้องดำเนินการปิดและสละหลุมถาวร โดยมีขั้นตอนสำคัญคือการอัดพร้อมถมซีเมนต์และใส่อุปกรณ์ทางเทคนิคลงไปในหลุมผลิตที่มีความลึกหลายระดับ เพื่อแยกชั้นหินกักเก็บปิโตรเลียมและชั้นหินกักเก็บน้ำออกจากกัน หลังจากนั้นจะย้ายท่อในหลุมไปไว้ใต้ชั้นโคลนโดยไม่ให้มีสิ่งใดอยู่บนพื้นดินใต้ทะเล เมื่อมีการปิดและสละหลุมแล้ว จะรื้อถอนโครงสร้างส่วนบน (Topside) โครงสร้างส่วนขาแท่น (Jacket) และท่อจากแพลตฟอร์ม จึงจะถือว่าการรื้อถอนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเสร็จสมบูรณ์
ปัจจุบัน อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส มีแท่นอุปกรณ์เพื่อการปิดและสละหลุมถาวรจำนวน 5 แท่น รวมถึงแท่นใหม่ ซึ่งแท่นเหล่านี้ถูกออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานบนแพลตฟอร์มหลุมผลิตขนาดเล็กในอ่าวไทย
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ บริษัทเลือกใช้แท่นอุปกรณ์แบบไม่มีขาแท่นเพื่อปิดและสละหลุมผลิตถาวร เนื่องจากเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับกิจกรรมที่ไม่สร้างรายได้ให้แก่ผู้บริหารหลุมผลิต โดยค่าใช้จ่ายต่อวันของการใช้แท่นอุปกรณ์แบบนี้ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้แท่นขุดเจาะขนาดใหญ่ ส่วนในแง่ของประสิทธิภาพการทำงาน แท่นแบบนี้สามารถดำเนินการปิดและสละหลุมผลิตได้เร็วที่สุดภายใน 1.1 วัน ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามาก
อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส คือ ผู้ให้บริการปิดและสละหลุมผลิตถาวรในทะเลที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดและได้ดำเนินการปิดและสละหลุมผลิตจำนวนมากที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีลูกค้าเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ เช่น เชฟรอน, ปตท.สผ. มูบาดาลา และอื่นๆ โดยบริษัทมีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยการให้บริการปิดและสละหลุมผลิตถาวรเต็มรูปแบบ ขณะที่บริษัทอื่นๆ บางบริษัท อาจให้บริการเพียงขั้นตอนเดียวหรือบางขั้นตอนเท่านั้น
“เราสามารถดูแลประมาณ 95% ของงานตามขั้นตอนทั้งหมดที่ต้องทำตามกระบวนการปิดและสละหลุมผลิตถาวร ตลอดไปจนถึงการบริหารจัดการ” นายบ็อบ กล่าว
ปัจจุบัน EEST ดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ และบังกลาเทศ และคาดว่าจะสามารถตอบรับความต้องการในตลาดต่างประเทศได้ดีขึ้น หลังรีแบรนดิ้งบริษัทจากชื่อเดิมอีมาส เอ็นเนอร์ยี่ ทั้งนี้ การมีแท่นอุปกรณ์ใหม่อีก 2 แท่น ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้งานเต็มที่ 100% ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า จะทำให้บริษัทฯ มีกำลังสำรองเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
“การปิดและสละหลุมผลิตถาวรมีแนวโน้มจะเติบโตมากขึ้นในภูมิภาคนี้ เนื่องจากจำเป็นต้องมีการปิดและสละหลุมผลิตเก่าในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทย ส่วนในระดับโลก ตลาดก็กำลังรุ่งและเติบโตเช่นกัน เพราะมีการรื้อถอนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งการปิดและสละหลุมถาวรก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดังกล่าว” นายบ็อบ กล่าว
นอกจากสร้างแท่นอุปกรณ์สำหรับการปิดและสละหลุมผลิตแล้ว บริษัทกำลังรับสมัครพนักงานใหม่มาร่วมทีม เพื่อรองรับความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้นด้วย
“ปัจจุบัน เรามีพนักงานเกือบ 600 คน ซึ่งประมาณ 99.5% เป็นคนไทย อย่างไรก็ตาม การเฟ้นหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาทำงานในสาขานี้เป็นเรื่องยากมาก ดังนั้น เราจึงรับคนจากอุตสาหกรรมขุดเจาะปิโตรเลียม และฝึกให้บุคลากรเหล่านั้นมาทำงานในภารกิจปิดและสละหลุมผลิต นอกจากนี้ ก็ยังจ้างนักศึกษาจบใหม่จำนวนมากจากมหาวิทยาลัยบางแห่ง และใช้เวลาหลายปี ฝึกฝนให้พวกเขาทำงานด้านวิศวกรรมหลายๆอย่างที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมจนเกิดความชำนาญ ก่อนจะปล่อยให้ทำงานในแท่นของเรา” นายบ็อบ อธิบาย