BGRIM พร้อมนำเข้า LNG ล็อตแรกตามสัญญาระยะยาว 7 ปี ล็อตแรก ม.ค. 2566 เพื่อใช้ใน 18 โรงไฟฟ้าของบริษัท โดยจะมีราคาต่ำกว่าPool Gas ที่ซื้อจาก ปตท.
วันนี้ (15 มี.ค. 65 ) บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งถือหุ้น 100% โดยบี.กริม ได้ลงนามร่วมกับบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ( PTT LNG Limited ) ในสัญญาการให้บริการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติ (Terminal Use Agreement – TUA) รองรับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จำนวน 5 แสนตันต่อปี เป็นระยะเวลา 7 ปี (ปี 2566-2572) ของบริษัท
ทั้งนี้ บี.กริม แอลเอ็นจี ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในปริมาณ 1.25 ล้านตันต่อปี แต่เบื้องต้นสามารถบรรลุข้อตกลงในสัญญาซื้อขาย LNG ระยะ 7 ปี กับคู่ค้า ในราคาที่ต่ำกว่าราคา Pool Gas ที่ซื้อจาก ปตท. ในปริมาณ 5 แสนตันต่อปี จึงมีการขออนุญาตจาก กกพ.นำเข้าในส่วนนี้ก่อน
นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน / รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส – การเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า การลงนาม TUA ในครั้งนี้จะรองรับปริมาณการนำเข้าตามสัญญา 5 แสนตันต่อปี เป็นระยะเวลา 7 ปี (ปี 2566-2572) ก่อนเพื่อใช้ใน 18 โรงไฟฟ้าของบริษัท ซึ่งหากระดับราคาLNGลดต่ำลงมาเหลือระดับประมาณ 10 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ทาง บี.กริม ก็จะขยายปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้น และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มโรงไฟฟ้าและกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากลูกค้าที่มีอยู่เดิม ซึ่งคาดว่าน่าจะนำเข้าได้ครบตามปริมาณที่ขออนุญาตไว้ทั้ง 1.25 ล้านตันประมาณปี 2569
สำหรับ บี.กริม แอลเอ็นจี นับเป็น shipper 1 ใน 7 ราย ที่ได้ใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติจาก กกพ. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563
ด้านนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.)ซึ่งร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามครั้งนี้ กล่าวว่า บี.กริม แอลเอ็นจี ถือเป็น shipper รายแรกๆที่ได้รับใบอนุญาตจาก กกพ.ภายใต้นโยบายการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ด้วยรัฐมองว่า ในอนาคตปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจะลดปริมาณลงเรื่อยๆในขณะที่LNGนำเข้าจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐจึงมีนโยบายส่งเสริมให้มีจำนวนผู้เล่นมากขึ้นจากเดิมที่มีเฉพาะ ปตท. เพียงรายเดียว เพื่อให้เกิดการแข่งขันในการจัดหาLNG ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในระยะยาว