ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ เอดีบี นำเสนอบทวิเคราะห์ล่าสุด ระบุการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ประเมินว่ารุนแรงในระดับปานกลาง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยประมาณ 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 1.11 ของ GDP ในขณะที่ภาพรวมความสูญเสียทางเศรษฐกิจของโลก ยังมีความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการระบาดว่าจะพัฒนาไปอย่างไร แต่อาจมีมูลค่าสูงถึง 3.47 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 0.4 ของ GDP โลก
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่าธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ เอดีบี นำเสนอบทวิเคราะห์ฉบับใหม่วันนี้ (6 มี.ค. 2563) โดยระบุถึงการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของโลก โดยในส่วนของประเทศไทย ที่ประเมินว่า สถานการณ์การระบาดจะรุนแรงในระดับปานกลาง (moderate scenario) คือ หมายถึงมีการบังคับใช้มาตรการป้องกันหรือการคุมเข้มต่างๆ เช่น การห้ามเดินทาง 3 เดือนหลังเกิดการระบาดตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา จะทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณ 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 1.11 ของ GDP ของไทย
สำหรับผลกระทบต่อขนาดความสูญเสียทางเศรษฐกิจในภาพรวมของโลกนั้น ขึ้นกับว่าการระบาดดังกล่าวจะพัฒนาไปอย่างไร ซึ่งยังคงอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอนสูง โดยบทวิเคราะห์ได้สำรวจผลกระทบทางเศรษฐกิจและพบว่าระดับความสูญเสียจะเริ่มตั้งแต่ 7.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จนถึง 3.47 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.1 ถึงร้อยละ 0.4 ของ GDP โลก
สำหรับความสูญเสียทางเศรษฐกิจของจีนจะอยู่ที่ 1.03 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 0.8 ของ GDP จีน ในขณะที่ความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ในเอเชีย คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกันถึง 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.2 ของ GDP รวมของประเทศเหล่านั้น
“มีความไม่แน่นอนหลายอย่างจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การคาดการณ์ต่างๆ จึงต้องใช้สถานการณ์จำลองหลายแบบเพื่อแสดงภาพแนวโน้มความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นให้ชัดเจน” นายยาซูยูกิ ซาวาดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบีระบุ
“เราหวังว่าบทวิเคราะห์ของเอดีบีฉบับนี้จะช่วยให้รัฐบาลต่างๆ สามารถบรรเทาผลกระทบทั้งต่อเศรษฐกิจและต่อคนจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้”
