บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้ง ACE และ WHAUP แจ้งได้สิทธิ์ขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ให้รัฐหลังจากที่เปิดรับซื้อล็อตใหญ่กว่า 5,203 เมกะวัตต์ ช่วงปลายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ โดย ACE ได้ไป 18 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตเสนอขาย (PPA) รวม 112.73 เมกะวัตต์ ส่วน WHAUP ได้ 5 โครงการ รวม 125.4 เมกะวัตต์ (ตามสัดส่วนการถือหุ้น)
โดย นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกโครงการพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 นั้น บริษัทย่อยที่ ACE ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 จํานวน 14 บริษัท ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสําหรับพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน จํานวน 18 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตเสนอขาย (PPA) รวม 112.73 เมกะวัตต์
สำหรับขั้นตอนต่อไปจะเป็นการศึกษาเงื่อนไขการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าที่เป็นคู่สัญญา และลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 14 วัน นับจาก กกพ. ประกาศผลการคัดเลือก จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการดำเนินงานก่อสร้างเพื่อกําหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ภายในช่วงปี พ.ศ. 2567 – 2570 ตามรายละเอียดที่กำหนดของแต่ละโครงการต่อไป
ในขณะที่ นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกจาก กกพ. ให้ได้สิทธิ์เป็นผู้พัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้ง (installed capacity) ตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์
ประกอบด้วยโครงการที่ WHAUP ถือหุ้น 100% จำนวน 3 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้า 59.8 เมกะวัตต์ และโครงการที่ WHAUP ร่วมลงทุนกับพันธมิตรอีก 2 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวน 65.6 MW
โดยโครงการ Solar Farm ทั้งหมด แบ่งเป็น Solar Farm ปกติ 4 โครงการ และอีก 1 โครงการเป็น Solar Farm ที่มีการใช้ระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System : BESS ) ร่วมด้วย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ อาทิ จังหวัดอุบลราชธานี บุรีรัมย์ ราชบุรี และกาญจนบุรี และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในช่วงปี 2572 – 2573
ในส่วนของ บี.กริม เพาเวอร์ ก็แจ้งว่า 9 บริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุน ก็ได้รับคัดเลือก จำนวน 15 โครงการ เช่นเดียวกัน คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 339.3 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบปี 2569-2573
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy News Center-ENC ) รายงานว่า การออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในระบบ Feed-in Tariff ของ กกพ. เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในช่วงปลายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ โดยมีนโยบายให้รับซื้อไฟฟ้าเป็นล็อตใหญ่ในคราวเดียวกัน ระยะแรก จำนวน 5,203 เมกะวัตต์ และระยะที่ 2 อีกจำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ โดยบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มของบริษัทด้านพลังงานที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย