บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ACE หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนของไทย พร้อมร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน โดยเตรียมตั้งบริษัทลูกดึงชุมชนร่วมหุ้น ตามหลักเกณฑ์ที่ภาครัฐกำหนด เสนอประกันราคารับซื้อชีวมวลที่เหมาะสมประมาณ 1,200 บาทต่อตัน
น.ส.จิรฐา ทรงเมตตา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจชุมชนในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนของรัฐบาล ตามหลักเกณฑ์ที่ภาครัฐเตรียมกำหนดออกมา เนื่องจากบริษัทฯเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของไทย และได้ประสานงานร่วมกับชุมชนจนมีเกษตรกรเป็นสมาชิกของบริษัทฯจำนวนมาก จึงพร้อมที่จะลงทุนหากรัฐเปิดโครงการขึ้นในปี2563นี้
ทั้งนี้เห็นว่าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนควรประกันราคารับซื้อชีวมวลที่เหมาะสมประมาณ 1,200 บาทต่อตัน และควรส่งเสริมการผลิตพืชพลังงาน การปลูกไม้โตเร็ว มาใช้ เพราะหากใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอและเกิดการแย่งซื้อเชื้อเพลิงในอนาคต นอกจากนี้ประเภทเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าชุมชนควรเป็นชีวมวลและก๊าซชีวภาพ จึงจะทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์มากที่สุด
นายธีรวุฒิ ทรงเมตตา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าจะเป็นผู้นำอันดับ1 ในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทฯดำเนินงานด้านโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนมากว่า 40 ปี มีความร่วมมือกับชุมชนมาโดยตลอด และล่าสุดได้หารือกับชุมชนบางแห่งเพื่อเตรียมเข้าร่วมโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาเชื้อเพลิงที่จะนำมาร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนด้วย ดังนั้นเชื่อว่าบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญในการบริหารโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนได้ทั่วประเทศ และมีเชื้อเพลิงชีวมวลที่สามารถผสมผสานได้หลากหลาย ทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าถูกลงได้
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทฯ มีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็นกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 จากปัจจุบันที่มีโรงไฟฟ้าเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 13 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 211.18 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งสิ้น 166.5 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม เพิ่มขึ้นเป็น 411.47 เมกะวัตต์ ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า