EEST พร้อมลุยภารกิจปิดและสละหลุมผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย คาดสุดคึกคักก่อนใกล้หมดสัมปทาน

4830
- Advertisment-

บริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส ผู้นำด้านธุรกิจบริการปิดและสละหลุมผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เปิดตัวแท่นอุปกรณ์ที่จะนำไปใช้ในภารกิจปิดและสละหลุมผลิตถาวรในทะลแบบไม่มีขาแท่น (Rigless)  หวังชิงส่วนแบ่งในตลาดที่คาดว่าจะสุดคึกคักก่อนสัมปทานปิโตรเลียมหมดสัญญาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 บริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงาน Grand Opening ณ สำนักงานสัตหีบ จ. ชลบุรี เผยโฉมแท่นอุปกรณ์เพื่อการปิดและสละหลุมถาวรชนิดไม่มีขาแท่น 2 ยูนิตใหม่ ซึ่งถูกออกแบบเพื่อใช้งานในอ่าวไทยโดยเฉพาะ พร้อมรองรับงานปิดและสละหลุมผลิตถาวรจำนวนมากที่คาดว่าจะเติบโตคึกคักในช่วงที่สัญญาสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยจำนวนหนึ่งจะหมดอายุในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

โดยพิธีเปิดตัวครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ วุฒิสมาชิกเป็นประธาน พร้อมแขกผู้มีเกียรติ อาทิ นายฤทธิรงค์ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการพลังงาน วุฒิสภา นายกำพลศักดิ์ คลังแสง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา และนายกล้าหาญ เชาว์ศิลป์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยออยล์ทูล แมชชีนเนอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ร่วมแสดงความยินดี

- Advertisment -

นอกจากการเปิดตัวแท่นอุปกรณ์ตัวใหม่ดังกล่าว นายบ็อบ เดวิสสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) ยังได้ประกาศความสำเร็จในการจัดตั้งบริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส ซึ่งเดิมรู้จักในนาม อีมาส เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส โดยบริษัทใหม่จะเป็นอิสระ 100% จากเจ้าของเดิม คือ  อีมาส กรุ๊ป ซึ่งทำให้บริษัทฯ สามารถกำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัวและและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

นับถึงปัจจุบัน บริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส  ประสบความสำเร็จในการดำเนินการปิดและสละหลุมผลิตปิโตรเลียมถาวรในทะเลและยืดอายุหลุมผลิต (slot recoveries) อย่างเรียบร้อยและปลอดภัยให้แก่ลูกค้ามาแล้วมากกว่า 600 หลุม และพร้อมเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยช่วงที่สัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยส่วนหนึ่งจะหมดสัญญาในปี พ.ศ. 2565-2567 จะทำให้มีการปิดและสละหลุมถาวรเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากจะต้องมีการปิดหลุมผลิตที่เลิกผลิตแล้วและรื้อถอนแท่นตามข้อกำหนดของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน

“EEST สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้นำด้านบริการแท่นอุปกรณ์ชนิดไม่มีขาแท่นเพื่อปิดและสละหลุมผลิตถาวรในภูมิภาคนี้ เมื่อหลุมผลิตที่ไม่มีปิโตรเลียมมีจำนวนเพิ่มขึ้น เราจึงคาดว่าตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึง 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทจะทำสัญญากับลูกค้าเพื่อให้บริการปิดและสละหลุมผลิตถาวรมากขึ้น อีกทั้งพร้อมสร้างแท่นอุปกรณ์เพิ่มเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว ซึ่งหมายความว่าเราจำเป็นต้องจ้างพนักงานเพิ่มด้วย” นายบ็อบ กล่าว

โดยทั่วไป เมื่อหลุมผลิตปิโตรเลียมได้ดำเนินการมาจนไม่มีปิโตรเลียมเหลือในหลุมแล้ว จำเป็นต้องดำเนินการปิดและสละหลุมถาวร โดยมีขั้นตอนสำคัญคือการอัดพร้อมถมซีเมนต์และใส่อุปกรณ์ทางเทคนิคลงไปในหลุมผลิตที่มีความลึกหลายระดับ เพื่อแยกชั้นหินกักเก็บปิโตรเลียมและชั้นหินกักเก็บน้ำออกจากกัน หลังจากนั้นจะย้ายท่อในหลุมไปไว้ใต้ชั้นโคลนโดยไม่ให้มีสิ่งใดอยู่บนพื้นดินใต้ทะเล เมื่อมีการปิดและสละหลุมแล้ว จะรื้อถอนโครงสร้างส่วนบน (Topside) โครงสร้างส่วนขาแท่น (Jacket) และท่อจากแพลตฟอร์ม จึงจะถือว่าการรื้อถอนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเสร็จสมบูรณ์

ปัจจุบัน อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส มีแท่นอุปกรณ์เพื่อการปิดและสละหลุมถาวรจำนวน 5 แท่น รวมถึงแท่นใหม่ ซึ่งแท่นเหล่านี้ถูกออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานบนแพลตฟอร์มหลุมผลิตขนาดเล็กในอ่าวไทย

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ บริษัทเลือกใช้แท่นอุปกรณ์แบบไม่มีขาแท่นเพื่อปิดและสละหลุมผลิตถาวร เนื่องจากเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับกิจกรรมที่ไม่สร้างรายได้ให้แก่ผู้บริหารหลุมผลิต โดยค่าใช้จ่ายต่อวันของการใช้แท่นอุปกรณ์แบบนี้ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้แท่นขุดเจาะขนาดใหญ่ ส่วนในแง่ของประสิทธิภาพการทำงาน แท่นแบบนี้สามารถดำเนินการปิดและสละหลุมผลิตได้เร็วที่สุดภายใน 1.1 วัน ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามาก

แท่นอุปกรณ์ปิดและสละหลุมแบบไม่มีขาแท่น ของบริษัท อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด แท่นหมายเลข 504 และ 505

อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิสเซส คือ ผู้ให้บริการปิดและสละหลุมผลิตถาวรในทะเลที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดและได้ดำเนินการปิดและสละหลุมผลิตจำนวนมากที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีลูกค้าเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ เช่น เชฟรอน, ปตท.สผ. มูบาดาลา และอื่นๆ โดยบริษัทมีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยการให้บริการปิดและสละหลุมผลิตถาวรเต็มรูปแบบ ขณะที่บริษัทอื่นๆ บางบริษัท อาจให้บริการเพียงขั้นตอนเดียวหรือบางขั้นตอนเท่านั้น

“เราสามารถดูแลประมาณ 95% ของงานตามขั้นตอนทั้งหมดที่ต้องทำตามกระบวนการปิดและสละหลุมผลิตถาวร ตลอดไปจนถึงการบริหารจัดการ” นายบ็อบ กล่าว

ปัจจุบัน EEST ดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ และบังกลาเทศ และคาดว่าจะสามารถตอบรับความต้องการในตลาดต่างประเทศได้ดีขึ้น หลังรีแบรนดิ้งบริษัทจากชื่อเดิมอีมาส เอ็นเนอร์ยี่ ทั้งนี้ การมีแท่นอุปกรณ์ใหม่อีก 2 แท่น ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้งานเต็มที่ 100% ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า จะทำให้บริษัทฯ มีกำลังสำรองเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

“การปิดและสละหลุมผลิตถาวรมีแนวโน้มจะเติบโตมากขึ้นในภูมิภาคนี้ เนื่องจากจำเป็นต้องมีการปิดและสละหลุมผลิตเก่าในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทย ส่วนในระดับโลก ตลาดก็กำลังรุ่งและเติบโตเช่นกัน เพราะมีการรื้อถอนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งการปิดและสละหลุมถาวรก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดังกล่าว” นายบ็อบ กล่าว

นอกจากสร้างแท่นอุปกรณ์สำหรับการปิดและสละหลุมผลิตแล้ว บริษัทกำลังรับสมัครพนักงานใหม่มาร่วมทีม เพื่อรองรับความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้นด้วย

“ปัจจุบัน เรามีพนักงานเกือบ 600 คน ซึ่งประมาณ 99.5% เป็นคนไทย อย่างไรก็ตาม การเฟ้นหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาทำงานในสาขานี้เป็นเรื่องยากมาก ดังนั้น เราจึงรับคนจากอุตสาหกรรมขุดเจาะปิโตรเลียม และฝึกให้บุคลากรเหล่านั้นมาทำงานในภารกิจปิดและสละหลุมผลิต นอกจากนี้ ก็ยังจ้างนักศึกษาจบใหม่จำนวนมากจากมหาวิทยาลัยบางแห่ง และใช้เวลาหลายปี ฝึกฝนให้พวกเขาทำงานด้านวิศวกรรมหลายๆอย่างที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมจนเกิดความชำนาญ ก่อนจะปล่อยให้ทำงานในแท่นของเรา” นายบ็อบ อธิบาย

 

Advertisment