คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เตรียมเปิดประชุมภายในสัปดาห์นี้ พิจารณานำเงินกองทุนน้ำมันฯ พยุงราคากลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ไม่ให้ปรับขึ้นเกิน 1 บาทต่อลิตร หลังหมดมาตรการลดภาษีน้ำมันกลุ่มเบนซินของกระทรวงการคลังที่จะสิ้นสุด 31 ม.ค. 2567 ในขณะที่เงินกองทุนน้ำมันฯ ยังติดลบกว่า 8 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เตรียมเปิดประชุมภายในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาการนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปพยุงราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ กรณีกระทรวงการคลังไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มเบนซิน ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ม.ค. 2567 นี้
โดยมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ได้เริ่มมาตั้งแต่ 7 พ.ย. 2566 และจะสิ้นสุด 31 ม.ค. 2567 โดยได้ลดภาษีน้ำมันกลุ่มเบนซิน 0.15-1 บาทต่อลิตร ตามสัดส่วนเนื้อน้ำมันเบนซินที่ผสม ได้แก่ E10 (น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91,95 ) ภาษีจัดเก็บลดลง 90 สตางค์ต่อลิตร , น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ลดลง 80 สตางค์ต่อลิตร , E85 ลดลง 15 สตางค์ต่อลิตร และเบนซินออกเทน 95 ลดลง 1 บาทต่อลิตร จากปกติจัดเก็บภาษีอยู่ที่ 6.50 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มว่า กระทรวงการคลังจะไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีดังกล่าวอีก ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานจะนำกลไกกองทุนน้ำมันฯ มาช่วยดูแลราคาไม่ให้ปรับขึ้นเกิน 1 บาทต่อลิตร โดยอาจจะทยอยปรับขึ้นเพียง 50-80 สตางค์ต่อลิตร
ดังนั้นมีแนวโน้มที่ กบน. อาจจะต้องพิจารณาปรับลดเงินที่เรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ เพื่อส่งเข้ากองทุนฯ ลง จากปัจจุบันกองทุนฯ เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเบนซินอยู่ 9.38 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์95 เรียกเก็บ 2.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เรียกเก็บ 1.45 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เรียกเก็บ 0.81 บาทต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซออล์ E85 เรียกเก็บ 0.16 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้หากต้องลดการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินดังกล่าวจะส่งผลให้กองทุนฯ มีรายรับลดลงจากปัจจุบันที่มีรายรับจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ รวม 72.67 ล้านบาทต่อวัน และโดยภาพรวมกองทุนฯ ยังประสบปัญหาเงินไหลออก 164 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันไหลออก 158 ล้านบาทต่อวัน และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ไหลออก 6.50 ล้านบาทต่อวัน
ส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดที่รายงานโดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ณ วันที่ 21 ม.ค. 2567 พบว่ากองทุนฯ ยังคงติดลบอยู่ -83,020 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการนำเงินไปอุดหนุนราคาดีเซล ส่งผลให้บัญชีน้ำมันติดลบรวม -36,594 ล้านบาท และอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ทำให้บัญชี LPG ติดลบรวม -46,426 ล้านบาท
สำหรับราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุด ณ วันที่ 23 ม.ค. 2567 เวลาประมาณ 15.30 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 77.77 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.22 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 75.03 เหรียญหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.27 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 80.32 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.26 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันที่ผู้ค้าได้รับ ในวันที่ 23 ม.ค. 2567 ซึ่งรายงานโดย สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พบว่า ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 2 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มเบนซินยังสูงอยู่ที่ประมาณ 3.6 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดน้ำมันตั้งแต่ 1-23 ม.ค. 2567 อยู่ที่ 2.33 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่ควรได้ที่ 1.50-2 บาทต่อลิตร)